ชื่อผู้วิจัย นางอำพร สะดวก ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนไพรบึงวิทยาคม
อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับรูปแบบการพัฒนาทักษะกระบวนการทำงานเกษตร โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน การสร้างและพัฒนารูปแบบการพัฒนาทักษะกระบวนการทำงานเกษตร โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน ศึกษาการพัฒนาทักษะกระบวนการทำงานเกษตร เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบการพัฒนาทักษะกระบวนการทำงานเกษตร เรื่อง การปลูกพืช วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานเกษตร) โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน ซึ่งทำการศึกษากับกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/5 โรงเรียนไพรบึงวิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 40 คน ได้มาโดยการสุ่มตัวอย่างอย่างง่ายด้วยการจับสลากห้องเรียน โดยทำการวิจัยตั้งแต่วันที่ 6 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 ถึง วันที่ 31 เดือนมกราคม พ.ศ. 2560 รวม 9 สัปดาห์ ใช้เวลาในการศึกษา 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวมเวลา 18 ชั่วโมง
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) รูปแบบการพัฒนาทักษะกระบวนการทำงานเกษตร โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน 2) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 9 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการเรียนรู้ จำนวน 40 ข้อ เป็นแบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลือก 4) แบบทดสอบท้ายกิจกรรมการเรียนรู้ แผนละ 10 ข้อ เป็นแบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลือก 5) แบบประเมินทักษะกระบวนการทำงานเกษตร 10 รายการ ได้แก่ การประชุมวางแผน การจัดเตรียมเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ การทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย การให้ความร่วมมือในการทำงาน การทำงานตามขั้นตอน การเลือกใช้เครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ การใช้วัสดุอุปกรณ์ การทำความสะอาดเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์และพื้นที่ปฏิบัติงาน ผลงาน และ การปรับปรุงและพัฒนาผลงาน และ 6) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบการพัฒนาทักษะกระบวนการทำงานเกษตร โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า(Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 6 ด้านคือ ด้านสาระสำคัญ ด้านจุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านเนื้อหา ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน ด้านสื่อ/วัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน และด้านการวัดผลประเมินผล สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบคะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการทดสอบค่าที (t-test dependent) สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้
1. ความต้องการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานเกษตร) โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในภาพรวมทั้งหมดพบว่า นักเรียนมีความต้องการในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานเกษตร) โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.11 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.34 และผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความต้องการในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานเกษตร) โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.14 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.40
2. ประสิทธิภาพของรูปแบบการพัฒนาทักษะกระบวนการทำงานเกษตร โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน ตามเกณฑ์ 80/80 พบว่า รูปแบบการพัฒนาทักษะกระบวนการทำงานเกษตร โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 82.61/84.63
3. ผลการศึกษาทักษะกระบวนการทำงานเกษตร พบว่า นักเรียนที่ผ่านการเรียนรู้ตามรูปแบบการพัฒนาทักษะกระบวนการทำงานเกษตร โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน เรื่อง การปลูกพืช วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานเกษตร) มีกระบวนการทำงานเกษตรอยู่ในระดับดี มีคะแนนเฉลี่ย 24.48
4. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ตามรูปแบบการพัฒนาทักษะกระบวนการทำงานเกษตร โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การปลูกพืช วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานเกษตร) หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมติฐาน
5. ผลการประเมินความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามรูปแบบการพัฒนาทักษะกระบวนการทำงานเกษตร โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน เรื่องการปลูกพืช วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานเกษตร) พบว่า ผลการประเมินความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามรูปแบบ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.10 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.38
ผลการวิจัยครั้งนี้ สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางสำหรับการพัฒนาทักษะกระบวนการทำงานเกษตร วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานเกษตร) โดยใช้ศูนย์การเรียนรู้เกษตรมีชีวิตเป็นฐาน และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการนำผลงานการวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในวิชาอื่นๆ ต่อไป