|
|
บทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบ การเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติมเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง นครพนมเมืองมหัศจรรย์ (3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการสร้างความรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนกับรูปแบบการเรียนการสอนตามปกติ (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 4 (รัตนโกสินทร์ 200 ปี) ที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียน โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติมเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง นครพนมเมืองมหัศจรรย์ ประชากรกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนเทศบาล 4 (รัตนโกสินทร์ 200 ปี) สังกัดเทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบยกชั้น (Cluster random sampling) 1 ห้องเรียน จำนวน 38 คน โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม (Sampling Unit) เครื่องมือที่ใช้ คือ รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กับรูปแบบการเรียนการสอนตามปกติ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบประเมินความสามารถในการสร้างความรู้และแบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติแบบมีอิสระและแบบอิสระ และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า
1. ข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนาเพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ครูผู้สอนและผู้เชี่ยวชาญต้องการให้มีพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ที่มีเนื้อหาที่เรียงจากง่ายไปหายาก มีสำนวนภาษาง่าย เข้าใจได้มีภาพประกอบ มีการจัดการเรียนการสอนเป็นรายบุคคลโดยให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง
2. รูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นมีชื่อเรียกว่า PARCE Model มีองค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน การสรุปสาระความรู้ หลักการตอบสนอง และสิ่งสนับสนุน ซึ่งมีกระบวนการเรียนการสอน 5 ขั้นตอนคือ 1.ขั้นเตรียมความพร้อมและกระตุ้นจูงใจในการเรียน เพื่อเตรียมความพร้อม Preparing and Motivating step = (P) 2. ขั้นปฏิบัติ(Action=A) 3. ขั้นสะท้อนความรู้ (Reflection of Knowledge=R) 4. ขั้นสร้างความรู้(Creation of Knowledge=C) 5. ขั้นประเมินผล (Evaluation=E)และของรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.76/89.82 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ปรากฏว่าสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
2. ความสามารถในการสร้างความรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่สอนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนกับรูปแบบการเรียนการสอนตามปกติแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .01 โดยคะแนนความสามารถในการสร้างความรู้ของนักเรียนที่สอนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนสูงกว่านักเรียนที่มีการเรียนการสอนตามปกติ
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเฉพาะบรรยากาศในการเรียนที่มีความสนุกสนาน ที่นักเรียนสามารถหาความรู้ได้ต่อเนื่องตลอดเวลาและนักเรียนสามารถพัฒนาวิธีการการแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง
|
โพสต์โดย Babi : [23 ก.พ. 2561 เวลา 16:37 น.] อ่าน [5308] ไอพี : 180.183.232.201
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 14,429 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,017 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,120 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,208 ครั้ง
| เปิดอ่าน 62,896 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,789 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,933 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,327 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,879 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,387 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,338 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,241 ครั้ง
| เปิดอ่าน 36,750 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,411 ครั้ง
| เปิดอ่าน 22,294 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 11,759 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,954 ครั้ง
| เปิดอ่าน 22,891 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,469 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,656 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|