ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช ของน

ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหาทาง

วิทยาศาสตร์ เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้

โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน

ผู้วิจัย นางศรีภา สายซอ

ปีการศึกษา 2560

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย ศึกษาการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับ

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถ

ในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะดังนี้

1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลัง

ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน

2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กับเกณฑ์(ร้อยละ 80)

3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 1 ก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และ 4) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 หลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการจัด

การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานกับเกณฑ์ ( ร้อยละ 80 )

ระเบียบวิจัยพัฒนา แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การสร้างและหาประสิทธิภาพแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และเอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช โดยผู้วิจัยได้ให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน พิจารณาความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้และเอกสารประกอบการเรียนรู้ แล้วนำแผนการจัดการเรียนรู้และเอกสารประกอบการเรียนรู้

ไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเมืองแพร่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 37 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 43 คน โดยแบ่งนักเรียนเป็น 3 กลุ่ม คือ นักเรียน จำนวน 3 คนเพื่อตรวจสอบความเหมาะสมทางด้านภาษา เวลา แล้วปรับปรุงแก้ไข จากนั้นนำมาทดลองใช้กับนักเรียน จำนวน 10 คน เพื่อหาความบกพร่อง ความเหมาะสมของกิจกรรม เนื้อหา เวลาที่ใช้และปัญหาต่างๆ ของแผนการจัดการเรียนรู้และเอกสารประกอบการเรียน แล้วนำข้อบกพร่องที่พบมาปรับปรุงแก้ไข หลังจากนั้นนำไปทดลองใช้กับนักเรียน จำนวน 30 คน เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้และเอกสารประกอบการเรียน ตามเกณฑ์ 80/80 เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วยแบบประเมินความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้และเอกสารประกอบการเรียน และแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน สาระ

การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช จำนวน 10 แผน เอกสารประกอบการเรียนรู้ จำนวน 4 ชุด สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการหาค่าประสิทธิภาพ E1/E2 ขั้นตอนที่ 2 การทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และเอกสารประกอบการเรียน สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช โดยนำแผนการจัดการเรียนรู้และเอกสารประกอบการเรียนมาใช้กับกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1โรงเรียนเมืองแพร่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 37 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 30 คน ซึ่งได้จากการสุ่มแบบเจาะจง แบบแผนวิจัยที่ใช้ในการทดลอง คือ One Group Pretest-Posttest Design และ One short case study เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช จำนวน 10 แผน เอกสารประกอบการเรียนรู้ จำนวน 4 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบวัดความสามารถใน

การแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าสถิติทดสอบทีแบบไม่อิสระ

t-test Dependent และ t-test one-sample

ผลการวิจัย พบว่า

1. หลังการจัดการเรียนรู้ นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูงกว่าก่อนได้รับ

การจัดการเรียนรู้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

2. หลังการจัดการเรียนรู้ นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. หลังการจัดการเรียนรู้ นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับ

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน มีคะแนนเฉลี่ยความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ สูงกว่าก่อนได้รับการจัดการเรียนรู้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. หลังการจัดการเรียนรู้ นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน มีคะแนนเฉลี่ยความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

โพสต์โดย ศรีภา สายซอ : [19 ก.พ. 2561 เวลา 13:25 น.]
อ่าน [5187] ไอพี : 118.172.0.196
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 18,856 ครั้ง
สิ่งของเสริมมงคลและตัวอย่างการแก้ไขฮวงจุ้ย
สิ่งของเสริมมงคลและตัวอย่างการแก้ไขฮวงจุ้ย

เปิดอ่าน 11,762 ครั้ง
ลีลาตำรวจโบกรถ เชียงใหม่ ช่วยผู้ขับขี่คลายเครียดได้เยอะ
ลีลาตำรวจโบกรถ เชียงใหม่ ช่วยผู้ขับขี่คลายเครียดได้เยอะ

เปิดอ่าน 41,023 ครั้ง
หลักสูตรอบรม e-Trainning ผ่านระบบ GURU online
หลักสูตรอบรม e-Trainning ผ่านระบบ GURU online

เปิดอ่าน 33,324 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 6 ผู้ตัดสินที่ 2 (THE SECOND REFEREE)
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 6 ผู้ตัดสินที่ 2 (THE SECOND REFEREE)

เปิดอ่าน 11,453 ครั้ง
นวดเองก็ได้ ..ง่ายจัง
นวดเองก็ได้ ..ง่ายจัง

เปิดอ่าน 41,993 ครั้ง
คุณภาพของสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
คุณภาพของสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน

เปิดอ่าน 18,080 ครั้ง
อาหารที่เป็นตัวการทำลายสุขภาพผิว
อาหารที่เป็นตัวการทำลายสุขภาพผิว

เปิดอ่าน 19,789 ครั้ง
เทควันโด : ประวัติเทควันโดในประเทศไทย
เทควันโด : ประวัติเทควันโดในประเทศไทย

เปิดอ่าน 10,131 ครั้ง
อะแคนทะมีบา ภัย คอนแทคเลนส์
อะแคนทะมีบา ภัย คอนแทคเลนส์

เปิดอ่าน 29,948 ครั้ง
ดูคลิปนี้จบแล้วคุณจะเข้าใจ  "ครูผู้สอนด้วยหัวใจ (From The Heart)" : หนังครู 7- Eleven
ดูคลิปนี้จบแล้วคุณจะเข้าใจ "ครูผู้สอนด้วยหัวใจ (From The Heart)" : หนังครู 7- Eleven

เปิดอ่าน 21,622 ครั้ง
เตือน "5 โรคร้าย" อันตรายต่อ "ครู" แนะเทคนิคดูแลสุขภาพ
เตือน "5 โรคร้าย" อันตรายต่อ "ครู" แนะเทคนิคดูแลสุขภาพ

เปิดอ่าน 17,348 ครั้ง
ยาปฏิชีวนะ
ยาปฏิชีวนะ

เปิดอ่าน 18,440 ครั้ง
กินส้มตำ ระวังเจออาหารเป็นพิษ
กินส้มตำ ระวังเจออาหารเป็นพิษ

เปิดอ่าน 14,503 ครั้ง
แตงโมเจลลี่ หวานฉ่ำสีสันสดใส ทำง่ายนิดเดียว
แตงโมเจลลี่ หวานฉ่ำสีสันสดใส ทำง่ายนิดเดียว

เปิดอ่าน 2,613 ครั้ง
7 วัดเชียงใหม่ เที่ยวเชียงใหม่สุดปัง ไหว้พระรับโชค
7 วัดเชียงใหม่ เที่ยวเชียงใหม่สุดปัง ไหว้พระรับโชค

เปิดอ่าน 10,528 ครั้ง
งานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม
งานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม
เปิดอ่าน 9,470 ครั้ง
ฮิตทะลุโลก เผยยอดผู้ใช้เฟซบุ๊คมีจำนวนกว่าครึงพันล้านคน ใหญ่เท่ากับปท.อันดับสามของโลก
ฮิตทะลุโลก เผยยอดผู้ใช้เฟซบุ๊คมีจำนวนกว่าครึงพันล้านคน ใหญ่เท่ากับปท.อันดับสามของโลก
เปิดอ่าน 19,325 ครั้ง
เตือนภัย! แก๊งตบทรัพย์หลอกขับรถชนเรียกค่าเสียหาย
เตือนภัย! แก๊งตบทรัพย์หลอกขับรถชนเรียกค่าเสียหาย
เปิดอ่าน 67,495 ครั้ง
การอ่านแบบ Scanning
การอ่านแบบ Scanning
เปิดอ่าน 10,728 ครั้ง
ทำไมเราถึงหาว รู้ไหม?
ทำไมเราถึงหาว รู้ไหม?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ