ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

การประเมินโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ปีการศึกษา 2559

นางอรอุมา ขันธลักษณา

บทคัดย่อ

การประเมินโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ปีการศึกษา 2559 มีวัตถุประสงค์ ดังนี้คือ เพื่อประเมินผลการดำเนินงานโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) โดยใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) ของสตัฟเฟิลบีม และคณะ (Stufflebeam & Other) 4 ด้าน คือ ด้านสภาพแวดล้อมของโครงการ (Context Evaluation) ด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการ (Input Evaluation) ด้านกระบวนการของโครงการ (Process Evaluation) และด้านผลผลิตของโครงการ (Product Evaluation) ประชากรที่ใช้ในการประเมินโครงการครั้งนี้ ได้แก่ ครูผู้สอนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 52 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับ ด้วยเทคนิคการจัดแบบ (Likert) จำนวน 5 ฉบับ

สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย (μ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ) สรุปผลการประเมิน ดังนี้

1. ด้านบริบท (Context Evaluation) ของโครงการ พบว่า มีความสอดคล้องและเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (µ = 4.12) และผ่านเกณฑ์การประเมินทุกข้อ

2. ด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) ของโครงการพบว่า มีความสอดคล้องเหมาะสม

อยู่ในระดับมาก (µ = 4.39) และผ่านเกณฑ์การประเมินทุกข้อ

3. ด้านกระบวนการ (Process Evaluation) ของโครงการพบว่ามีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (µ=4.23) และผ่านเกณฑ์การประเมินทุกข้อ

4 ด้านผลผลิต (Product Evaluation) ของโครงการมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (μ= 4.40) และผ่านเกณฑ์การประเมิน

5. ด้านความพึงพอใจของครูที่มีต่อโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ปีการศึกษา 2559 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (μ= 4.52) และผ่านเกณฑ์การประเมิน

บทนำ

การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศในทุก ๆ ด้าน เป็นกระบวนการ

ที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาคนให้มีคุณภาพเพื่อให้สามารถปรับตัวและดำรงชีวิตอยู่ในสภาพสังคมปัจจุบันได้อย่างมีความสุข ดังพระราชดำรัสในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีที่ว่าในปัจจุบันประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงของการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ทั้งการปฏิรูประบบราชการและการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งมีเป้าหมายที่มีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน ในขณะที่การปฏิรูประบบราชการได้มุ่งพัฒนาระบบราชการไทยให้มีความเป็นเลิศสามารถรองรับการพัฒนาประเทศใน

ยุคโลกาภิวัตน์โดยยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีและประโยชน์สุขของประชาชน การปฏิรูปการศึกษาได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติ โดยมุ่งพัฒนาและส่งเสริมการศึกษาให้ประชาชนมีความรู้ มีศักยภาพในการพัฒนาตนเอง พัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนาสังคม ฐานความรู้และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (วรเดช จันทรศร 2547 : คำนำ) และตามที่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 มาตรา 6 บัญญัติว่า การจัดการศึกษา ต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ 2545 : 10) หลังจากที่มีการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไข เพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 มาตรา 47 กำหนดให้มีระบบการประกันคุณภาพ เพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ แนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาจำเป็นต้องอาศัยกระบวนการปฏิบัติอย่างหลากหลาย ซึ่งประกอบด้วย กระบวนการที่สำคัญ คือ กระบวนการบริหารจัดการกระบวนการจัดการเรียนรู้และกระบวนการนิเทศ ติดตาม ประเมินผล (กระทรวงศึกษาธิการ 2545 : 29) ซึ่งในปัจจุบันการพัฒนาคุณภาพการศึกษายอมรับการบริหารโดยใช้ระบบประกันคุณภาพมากกว่าระบบการควบคุมคุณภาพ อย่างในอดีตที่เคยผ่านมา เนื่องจากระบบการควบคุมคุณภาพ มุ่งแก้ไขปัญหาหลังจากการสูญเสียความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ระบบการประกันคุณภาพมุ่งเน้นป้องกันโดยสร้างวิธีการที่ถูกต้องขึ้นตั้งแต่แรกให้มากที่สุด เพื่อลดโอกาสที่ผลผลิตจะไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ จากแผนพัฒนาการศึกษา ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555 – 2559) ของหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบการจัดการศึกษาระดับต่าง ๆ ทุกระดับโดยมีกรอบความคิดเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีขึ้นตอนการดำเนินการตั้งแต่กระบวนการบริหารโรงเรียน กระบวนการจัดการเรียนการสอนและกระบวนการนิเทศติดตามผลเพื่อให้การจัดการศึกษาประสบผลสำเร็จสูงสุดและมีคุณภาพอย่างต่อเนื่องนโยบายการนิเทศภายในให้สถานศึกษาใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงการปฏิบัติงานนิเทศ โดยมีวัตถุประสงค์ให้ครูในโรงเรียนได้รับการนิเทศและใช้กระบวนการนิเทศเป็นยุทธศาสตร์ความร่วมมือของทุกฝ่ายในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา หลักการสำคัญของการนิเทศ คือ ความทั่วถึงความต่อเนื่องและนิเทศอย่างมีคุณภาพโดยคาดหวังว่าโรงเรียนทุกโรงเรียนได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพครูและบุคลากรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสอนจากการสอนเนื้อหาความจำเป็นการสอนให้เกิดการเรียนรู้และนักเรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการประกันคุณภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ 2555 : 19) นอกจากนั้นสาระสำคัญของแผนพัฒนาการศึกษา ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555 –2559) ของกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดนโยบายและมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการนิเทศการศึกษา ดังนี้ นโยบายข้อ 4 ปฏิรูปครูและบุคลากรทางการศึกษา ในมาตรการข้อ 5 ที่ว่า “มีระบบการติดตาม นิเทศช่วยเหลือครูในการปฏิบัติงานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชี้แนะสิ่งที่เป็นอุปสรรค และแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขการปฏิบัติงาน” นโยบายข้อ 6 ปฏิรูปการบริหารสำนักงานทุกระดับ ให้มีประสิทธิภาพในมาตรการข้อ 3 ที่ว่า “สำนักงานทุกระดับมีกลไกทางการติดตาม นิเทศ ประเมินผลเพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคของการจัดการศึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการศึกษาและมีระบบข้อมูลแสดงผลการดำเนินงานข้อมูล นวัตกรรม ข่าวสารที่ช่วยการดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติและข้อมูลเพื่อใช้ในการวางแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว... “มาตรการข้อที่ 2 ที่ว่า “...ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อการทำระบบข้อมูลเพื่อการวางแผนการนิเทศ การกำกับติดตามประเมินผลการจัดการศึกษาเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายถึงจังหวัด อำเภอ และโรงเรียน...” ข้อ 4 ที่ว่า...จัดระบบการวางแผนการกำกับติดตามการปฏิบัติงานตามแผน และการประเมินผลทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ในการดำเนินงานจัดการศึกษาทุกระดับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง...” ข้อ 7 ที่ว่า “...ส่งเสริมให้ มีการนิเทศการศึกษาอย่างเป็นระบบโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม” (กระทรวงศึกษาธิการ 2555 : 25) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ประกาศใช้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการจัดการศึกษาขนานใหญ่หรือปฏิรูปการศึกษา โดยกระทรวงศึกษาธิการทำหน้าที่รับผิดชอบการจัดการศึกษาของประเทศได้ดำเนินการปฏิรูปการศึกษา โดยกำหนดแนวทางการดำเนินงานไว้ 4 ด้าน คือ การปฏิรูปโรงเรียนและสถานศึกษา การปฏิรูปครูและบุคลากรทางการศึกษา การปฏิรูปหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอน และการปฏิรูประบบบริหารการศึกษา ในการปฏิรูปทั้ง 4 ด้าน การปฏิรูปครูและบุคลากรทางการศึกษามีความสำคัญ และเร่งด่วนที่สุด เนื่องจากครูและบุคลากรทางการศึกษามีบทบาทสำคัญยิ่ง เพราะครูเป็นผู้จัดการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนโดยตรง ดังนั้นการนิเทศภายในโรงเรียนจึงเป็นกระบวนการที่สำคัญในการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน และสถานศึกษาอย่างยิ่ง อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้กำหนดให้มาตรฐานโรงเรียนเป็นองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งในการประกันคุณภาพ และได้ให้ความสำคัญของการควบคุมกำกับติดตาม และการนิเทศ ดังปรากฏในมาตรฐานด้านการบริหารโรงเรียน มาตรฐานที่ 1 โรงเรียนใช้แผนเป็นเครื่องมือในการบริหาร ตัวบ่งชี้ที่ 4 ที่ว่า... “ให้มีการดำเนินการนิเทศ ติดตามผลการปฏิบัติงาน/โครงการต่าง ๆ ให้สามารถดำเนินงานได้บรรลุตามแผนโดย ใช้กิจกรรมหลากหลายมีบุคลากรรับผิดชอบชัดเจน ปฏิบัติงานตามช่วงเวลาที่กำหนดและบุคลากรส่วนใหญ่มีความรู้สึกที่ดีต่อการควบคุม กำกับ ติดตาม และนิเทศ” การดำเนินการกิจกรรมหรือโครงการใด ๆ ก็ตาม ถ้าต้องการทราบผลความก้าวหน้าหรือ จุดเด่น จุดด้อยเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาปรับปรุงการประเมินผลเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิบัติ กิจกรรมหรือโครงการนั้นเมื่อสิ้นสุด ผู้วิจัยได้ศึกษารูปแบบการประเมินโครงการ พบว่ามีหลายรูปแบบ แต่แบบที่นิยมใช้กันแพร่หลายได้แก่รูปแบบการประเมินแบบ CIPP Model ของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam. 1971 : 128) ได้เสนอการประเมินประกอบด้วยการประเมิน 4 ด้าน คือ 1) การประเมินสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation : C) เป็นการประเมินความต้องการ ความจำเป็นเพื่อจัดทำโครงการหรือจัดลำดับความสำคัญของโครงการและกำหนดจุดมุ่งหมายของโครงการต่าง ๆ การประเมินสภาวะแวดล้อมทำได้โดยการศึกษาอิทธิพลหรือแรงกดดันต่าง ๆ ของสิ่งภายนอกโครงการว่ามีต่อโครงการหรือไม่อย่างไรหรืออาจจะประเมินโครงการ โดยการเปรียบเทียบ วัตถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมายของโครงการว่าสอดคล้องกับนโยบายหรือปรัชญาของสถาบันหรือไม่ 2) การประเมินปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation : I) เป็นการประเมินว่าปัจจัยที่เราต้องการมีอะไรบ้าง พอเพียงหรือไม่ ภายใต้ปัจจัยนี้มีโปรแกรมหรือทางเลือกใดที่เราควรดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการหรือถ้าประเมินโครงการที่ดำเนินไว้ ผลจากการประเมินปัจจัยก็จะทำให้คำตอบว่าการดำเนินโครงการที่ทำไปนั้นได้ดำเนินไปตามแผนเหมาะสมหรือไม่ปัจจัยเบื้องต้นที่ใช้พอเพียงหรือไม่ 3) การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation : P) เป็นการประเมินว่าได้นำโครงการไปปฏิบัติตามแผนที่กำหนดหรือไม่การประเมินกระบวนการทำได้ 2 ลักษณะ คือ มีการประเมินก่อนนำไปปฏิบัติจริงและประเมินกระบวนการขณะปฏิบัติอยู่ โดยการสังเกตอย่างมีส่วนร่วมจะช่วยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อันจะนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการดำเนินโครงการได้อย่างเหมาะสม 4) การประเมินผลผลิต (Product Evaluation : P) เป็นการประเมินผลลัพธ์ที่ได้ว่าเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของโครงการหรือไม่ ซึ่งอาจทำได้ทันทีที่โครงการสิ้นสุด การประเมินผลผลิตช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรับรองการล้มเลิกหรือการปรับขยายโครงการถ้าจะทำต่อไป โรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ตำบลบางสมัคร อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งการประเมินในครั้งนี้ จะเป็นข้อสนเทศสำหรับผู้เกี่ยวข้องในการวางแผนพิจารณาปรับปรุงแก้ไขและขยายผลโครงการโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพต่อไป

วัตถุประสงค์การประเมินโครงการ

ในการรายงานครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ตั้งวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการดำเนินงานโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ปีการศึกษา 2559 ไว้ 4 ด้าน ดังนี้

2.1 ด้านสภาพแวดล้อมของโครงการ (Context Evaluation)

2.2 ด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการ (Input Evaluation)

2.3 ด้านกระบวนการของโครงการ (Process Evaluation)

2.4 ด้านผลผลิตของโครงการ (Product Evaluation)

กรอบแนวความคิดในการวิจัย

ขอบข่ายการประเมินโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ปีการศึกษา 2559 ที่ครอบคลุมจึงควรประกอบด้วย 4 ส่วน “การประเมินเกี่ยวกับบริบทของโครงการ (Context Evaluation) การประเมินปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) การประเมินกระบวนการของโครงการ (Process Evaluation) และการประเมินผลผลิตของโครงการ (Product Evaluation) โดยมีคำย่อว่า CIPP Model” ดังนี้

กรอบแนวความคิดในการประเมินโครงการ

วิธีดำเนินการประเมินโครงการ

ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้ประเมินใช้ระเบียบวิธีการวิจัยประเมิน (Evaluation Research)

มีวัตถุประสงค์เพื่อวิจัยประเมินโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ปีการศึกษา 2559 โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อประเมินสภาพแวดล้อม (Context) ของโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ในด้านความสอดคล้องกับนโยบายการศึกษาด้านการพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียน 2) เพื่อประเมินปัจจัยนำเข้า (Input) ของโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ในด้านความพร้อมของทรัพยากรในการดำเนินการ 3) เพื่อประเมินกระบวนการ (Process) ของโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ในด้านการดำเนินการตามแผนและการกำกับติดตามผล และ 4) เพื่อผลผลิต (Product) ของโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ในด้านประสิทธิภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครู พฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ของผู้เรียน การอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข รวมถึงการประเมินความพึงพอใจของครูผู้สอนที่มีต่อโครงการ

ประชากร

ประชากรที่ใช้ในการประเมินโครงการครั้งนี้ ได้แก่ ครูผู้สอนและบุคลกรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2559 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

1.1 ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 39 คน

1.2 คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล

เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้ประเมินได้สร้างแบบสอบถาม จำนวน 5 ฉบับ สำหรับเก็บรวบรวมข้อมูล มีลักษณะเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับ ด้วยเทคนิคการจัดแบบ (Likert) ประกอบด้วย

ฉบับที่ 1 สำหรับครูผู้สอนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้ประเมิน

ด้านสภาพแวดล้อม

ฉบับที่ 2 สำหรับครูผู้สอนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นผู้ประเมิน

ด้านปัจจัยนำเข้า

ฉบับที่ 3 สำหรับครูผู้สอนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นผู้ประเมิน

ด้านกระบวนการ

ฉบับที่ 4 สำหรับครูผู้สอนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นผู้ประเมินผลผลิตตามวัตถุประสงค์โครงการ

ฉบับที่ 5 สำหรับครูผู้สอนเป็นผู้ประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการดำเนินงานตามโครงการ

การเก็บรวบรวมข้อมูล

1. ผู้ประเมินดำเนินการแบบรวบรวมข้อมูล ด้วยวิธีการแจกแบบสอบถามให้กับกลุ่มเป้าหมายเพื่อทำการตอบแบบสอบถามด้วยตนเอง

2. เก็บข้อมูลของผู้เข้าร่วมโครงการแล้วตรวจสอบความสมบูรณ์และความถูกต้องของแบบสอบถามที่ได้รับกลับมาแต่ละข้อคำถาม แล้วนำข้อมูลมาประมวลผลวิเคราะห์หาค่าสถิติ

การวิเคราะห์ข้อมูล

การวิเคราะห์ข้อมูลการประเมินโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ปีการศึกษา 2559 ในครั้งนี้ ผู้ประเมินได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลจากการตอบแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ใช้การหาค่าเฉลี่ย () และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน () ในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้

สรุปผลการประเมิน

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการประเมินโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ปีการศึกษา 2559 ดังนี้

1.1 ด้านสภาพแวดล้อม (Context Evaluation) ของโครงการมีความสอดคล้อง/เหมาะสม

อยู่ในระดับมาก (μ = 4.12) และผ่านเกณฑ์การประเมินทุกข้อ

1.2 ด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) ของโครงการมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (μ = 4.39) และผ่านเกณฑ์การประเมินทุกข้อ

1.3 ด้านกระบวนการ (Process Evaluation) ของโครงการมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (μ = 4.23)

และผ่านเกณฑ์การประเมินทุกข้อ

1.4 ด้านผลผลิต (Product Evaluation) ของโครงการมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (μ= 4.40)

และผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยมีด้านประสิทธิภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (μ= 4.29) และผ่านเกณฑ์การประเมินด้านพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (μ= 4.37) และผ่านเกณฑ์การประเมิน ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียนอยู่ในระดับมากที่สุด (μ= 4.53) และผ่านเกณฑ์การประเมิน และด้านการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขอยู่ในระดับมาก (μ= 4.42) และผ่านเกณฑ์การประเมิน

1.5 ด้านความพึงพอใจของครูที่มีต่อโครงการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล ๑ (บางวัว) ปีการศึกษา 2559 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (μ= 4.52) และผ่านเกณฑ์การประเมิน

ข้อเสนอแนะ

3.1 ข้อเสนอแนะสำหรับการนำผลการประเมินไปใช้ดังนี้

3.1.1 ควรกำหนดแนวทางที่หลากหลายในการนิเทศภายในโรงเรียน ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม

3.1.2 โรงเรียนควรเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในติดตามการนิเทศภายในโรงเรียน

3.1.3 โรงเรียนควรเปิดโอกาสให้นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดกระบวนการเรียนรู้ในโรงเรียนให้มากขึ้น

3.1.4 ควรจัดระบบข้อมูลสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์ครบถ้วน เพื่อสะดวกในการศึกษาข้อมูลและนำไปใช้เพื่อพัฒนาการจัดกระบวนการเรียนรู้ ตลอดทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการตามโครงการ

3.1.5 ควรนำผลการรายงานประเมินโครงการนิเทศภายในโรงเรียนศึกษาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาสู่การรับการประเมินภายนอกรอบสาม

3.2 ข้อเสนอแนะสำหรับการประเมินครั้งต่อไป

3.2.1 ควรให้มีการศึกษารูปแบบของการนิเทศภายในสถานศึกษา

3.2.2 ควรให้มีการศึกษาปัญหาที่มีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการนิเทศภายในเพื่อทำให้ทราบถึงปัจจัยที่ทำให้กระบวนการนิเทศภายในไม่บรรลุเป้าหมาย

โพสต์โดย ครูรี่ : [9 ก.พ. 2561 เวลา 19:44 น.]
อ่าน [3786] ไอพี : 223.207.244.219
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 11,948 ครั้ง
ดาวน์โหลด Powerpoint การประชุม กศจ.ภาคใต้ และประเด็นน่าสนใจที่ครูควรรู้
ดาวน์โหลด Powerpoint การประชุม กศจ.ภาคใต้ และประเด็นน่าสนใจที่ครูควรรู้

เปิดอ่าน 17,407 ครั้ง
Verb Tenses Continuous/Non-continuous Verbs
Verb Tenses Continuous/Non-continuous Verbs

เปิดอ่าน 61,179 ครั้ง
เด็กเก่ง "อุดรพิทยานุกูล" สอบติดมหาลัยยกชั้น 5 ห้องรวด เรียนแพทย์ 44 คน
เด็กเก่ง "อุดรพิทยานุกูล" สอบติดมหาลัยยกชั้น 5 ห้องรวด เรียนแพทย์ 44 คน

เปิดอ่าน 16,035 ครั้ง
ดื่มน้ำ 8 แก้วไม่เพียงพอแล้ว
ดื่มน้ำ 8 แก้วไม่เพียงพอแล้ว

เปิดอ่าน 20,406 ครั้ง
ฝนดาวตกสิงโต
ฝนดาวตกสิงโต

เปิดอ่าน 878 ครั้ง
การตลาดออนไลน์ 2024 มีอะไรบ้างที่ต้องอัปเดต
การตลาดออนไลน์ 2024 มีอะไรบ้างที่ต้องอัปเดต

เปิดอ่าน 17,106 ครั้ง
การกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ตอน1
การกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ตอน1

เปิดอ่าน 12,473 ครั้ง
อ้วนลงพุงกินอย่างไรให้เหมาะสม
อ้วนลงพุงกินอย่างไรให้เหมาะสม

เปิดอ่าน 24,821 ครั้ง
นางสงกรานต์ ปี 2559 "มณฑาเทวี" ทำนายฝนตกไม่ทั่วเมือง ข้าวพัง-ของแพง
นางสงกรานต์ ปี 2559 "มณฑาเทวี" ทำนายฝนตกไม่ทั่วเมือง ข้าวพัง-ของแพง

เปิดอ่าน 11,852 ครั้ง
ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ทำไมเป็นกันมากขึ้น
ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ทำไมเป็นกันมากขึ้น

เปิดอ่าน 30,791 ครั้ง
ผักบำรุงสมอง
ผักบำรุงสมอง

เปิดอ่าน 31,426 ครั้ง
กราฟิกไฟล์สำหรับอินเทอร์เน็ต
กราฟิกไฟล์สำหรับอินเทอร์เน็ต

เปิดอ่าน 28,723 ครั้ง
สัตว์พวกปลาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดเลย โดนถูกเบ็ดเกี่ยวดิ้น ก็ไม่ได้ตกอกตกใจ(วิทย์)
สัตว์พวกปลาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดเลย โดนถูกเบ็ดเกี่ยวดิ้น ก็ไม่ได้ตกอกตกใจ(วิทย์)

เปิดอ่าน 14,278 ครั้ง
ครม.ไฟเขียว "กัญชง" ปลูกได้ครัวละไม่เกิน1ไร่ พืชเศรษฐกิจไทยตัวใหม่
ครม.ไฟเขียว "กัญชง" ปลูกได้ครัวละไม่เกิน1ไร่ พืชเศรษฐกิจไทยตัวใหม่

เปิดอ่าน 28,068 ครั้ง
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis)
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis)

เปิดอ่าน 9,477 ครั้ง
คนนอนกรนไม่ต้องกลัวเป็นโรคหัวใจไม่เกี่ยวพันกับโรคหัวใจและหลอดเลือด
คนนอนกรนไม่ต้องกลัวเป็นโรคหัวใจไม่เกี่ยวพันกับโรคหัวใจและหลอดเลือด
เปิดอ่าน 29,434 ครั้ง
ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย
ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย
เปิดอ่าน 16,265 ครั้ง
ไข้กาฬหลังแอ่น
ไข้กาฬหลังแอ่น
เปิดอ่าน 59,645 ครั้ง
ระเบียบ เบิกค่าใช้จ่าย ในการเดินทางไปราชการ 50
ระเบียบ เบิกค่าใช้จ่าย ในการเดินทางไปราชการ 50
เปิดอ่าน 35,871 ครั้ง
การใช้ตราสัญลักษณ์สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การใช้ตราสัญลักษณ์สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ