ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C เพื่อพัฒนาทักษะ
การคิดของเด็กปฐมวัย
ชื่อผู้วิจัย นางศิริพร ชมภู
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาลวัดวรนาถบรรพต
สำนักการศึกษา เทศบาลนครนครสวรรค์
ปีที่วิจัย 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อสร้าง ศึกษาประสิทธิภาพ และผลการใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C เพื่อพัฒนาทักษะการคิดของเด็กปฐมวัย วิธีดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 การสร้างรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C โดยผู้วิจัยสังเคราะห์รูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และกำหนดองค์ประกอบของรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 7 ประการ คือ การกระตุ้นความสนใจ (Motivation : M) การเรียนรู้แบบปฏิบัติการ (Active Learning : A) การถ่ายโยงการเรียนรู้ (Transfer of Learning : T) การผสานเป็นหนึ่งเดียวกันของศีรษะ คือ สมอง หัวใจ และมือ (Head, Heart, Hands : H) การเล่นสรรค์สร้าง (Constructive Play : C) การเรียนรู้โดยสร้างองค์ความรู้ (Constructive Learning : C) และการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning : C) จากนั้นจึงกำหนดขั้นตอนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวคิดของรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C ซึ่งประกอบ 4 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 การกระตุ้นใคร่รู้ ขั้นที่ 2 การตัดสินใจเลือกเล่น ขั้นที่ 3 การเล่น และขั้นที่ 4 การนำเสนอผลงาน ต่อมาจึงนำรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C ที่สร้างขึ้นเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 คน เพื่อประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C
ระยะที่ 2 การศึกษาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C โดยผู้วิจัยดำเนินการทดลองใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C เป็นเวลา 8 สัปดาห์ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชายหญิงที่มีอายุระหว่าง 5-6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเทศบาลวัดวรนาถบรรพต สำนักการศึกษา เทศบาลนครนครสวรรค์ จำนวน 30 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (x̄ ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และ ค่า t-test (Dependent Sample)
ระยะที่ 3 การนำรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C ไปใช้ในสภาพจริง โดยครูปฐมวัยที่ปฏิบัติงานสอนอยู่ในชั้นเรียนของเด็กปฐมวัยที่มีอายุ 5-6 ปี โรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 8 คน นำรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C ไปทดลองใช้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เมื่อสิ้นสุดการสอนครูปฐมวัยทุกคนตอบแบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ได้แก่ แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C โดยผู้เชี่ยวชาญ ระยะที่ 2 ได้แก่ แผนการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดของรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C คู่มือการใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C และแบบทดสอบทักษะการคิดของเด็กปฐมวัย โดยแบบทดสอบมีค่าความยากง่ายระหว่าง 0.53-0.73 ค่าอำนาจจำแนก ระหว่าง 0.40- 0.50 และค่าความเที่ยง
เท่ากับ 0.95, 0.97, 0.94 และ0.97 ตามลำดับ และระยะที่ 3 ได้แก่ แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C โดยครูปฐมวัย
ผลการวิจัยพบว่า
1. รูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 4.20-4.80 ซึ่งส่วนใหญ่มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
2. ทักษะการคิดของเด็กปฐมวัย โดยใช้การจัดประสบการณ์ตามแนวคิดของรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C หลังการจัดประสบการณ์สูงกว่าก่อนการจัดประสบการณ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ . 01
3. รูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C ตามความคิดเห็นของครูปฐมวัยที่นำรูปแบบการจัดประสบการณ์แบบ MATH-3C ไปทดลองใช้ มีความเหมาะอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 4.62-5.00