ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้
5 ขั้น (5E) ร่วมกับการใช้เทคนิคผังกราฟิก วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
รหัสวิชา ว22101 หน่วยการเรียนรู้ การจัดระบบในร่างกายมนุษย์
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย ศรินทร ขันทะชา
หน่วยงานที่สังกัด โรงเรียนภูดินแดงวิทยา อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร
องค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร
ปีที่พิมพ์ 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ วัฏจักรสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ร่วมกับการใช้เทคนิคผังกราฟิก วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22101 หน่วยการเรียนรู้ การจัดระบบในร่างกายมนุษย์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ร่วมกับการใช้เทคนิคผังกราฟิก วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22101 หน่วยการเรียนรู้ การจัดระบบในร่างกายมนุษย์ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ร่วมกับการใช้เทคนิคผังกราฟิก วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22101 หน่วยการเรียนรู้ การจัดระบบในร่างกายมนุษย์ และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ร่วมกับการใช้เทคนิคผังกราฟิก วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22101 หน่วยการเรียนรู้ การจัดระบบในร่างกายมนุษย์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 33 คน ซึ่งได้มาด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ร่วมกับการใช้เทคนิคผังกราฟิก วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22101 หน่วยการเรียนรู้ การจัดระบบในร่างกายมนุษย์ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 10 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ร่วมกับการใช้เทคนิคผังกราฟิก จำนวน 12 แผนการจัดการเรียนรู้ รวม 22 ชั่วโมง (รวมแผนการจัดการเรียนรู้ปฐมนิเทศและปัจฉิมนิเทศ) 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22101 หน่วย การเรียนรู้ การจัดระบบในร่างกายมนุษย์ เป็นข้อสอบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.37-0.77 และค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (r) อยู่ระหว่าง 0.33-0.73 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.92 4) แบบวัดความพึงพอใจต่อการเรียนด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ร่วมกับการใช้เทคนิค ผังกราฟิก เป็นแบบวัดแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ตามวิธีของลิเคิร์ท (Likert) จำนวน 20 ข้อ ค่าอำนาจจำแนก (rxy) เป็นรายข้ออยู่ระหว่าง 0.33 0.74 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.89 วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ โดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดัชนีประสิทธิผล และทดสอบสมมติฐานใช้การทดสอบค่าที (ttest for Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ร่วมกับการใช้เทคนิคผังกราฟิก วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22101 หน่วยการเรียนรู้ การจัดระบบในร่างกายมนุษย์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 83.04 / 82.65 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80 / 80 ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ร่วมกับการใช้เทคนิคผังกราฟิก วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22101 หน่วยการเรียนรู้ การจัดระบบในร่างกายมนุษย์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่พัฒนาขึ้น มีเท่ากับ 0.76 แสดงว่าผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0.76 หรือคิดเป็นร้อยละ 76
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22101 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบวัฏจักร สืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น(5E)ร่วมกับการใช้เทคนิคผังกราฟิก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรม การเรียนรู้ตามรูปแบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ร่วมกับการใช้เทคนิคผังกราฟิก วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22101 หน่วยการเรียนรู้ การจัดระบบในร่างกายมนุษย์ อยู่ในระดับมากที่สุด