ชื่อผลงาน รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อสมการ
ผู้ศึกษาค้นคว้า สุดารัตน์ ปาปะขัง
สถานศึกษา โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 16 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
มหาสารคาม เขต 2
ปีที่เผยแพร่ พ.ศ. 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อสมการ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อสมการ 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อสมการ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อสมการ และ
5) เพื่อศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อสมการ หลังการทดสอบหลังเรียนผ่านไป 2 สัปดาห์ เป้าหมายใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน
ราชประชานุเคราะห์ 16 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 38 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้ามี 4 ชนิด ได้แก่
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อสมการ จำนวน 7 เล่ม มีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมาก ( x̄ = 4.54, S.D. = 0.368)
แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อสมการ จำนวน 14 แผน มีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมาก
(x̄ = 4.46, S.D. = 0.265) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ
ค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.32 - 0.79 ค่าอำนาจอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.36-0.76 มีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.94 และแบบวัดความพึงพอใจ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อเท่ากับ 0.40 - 0.85 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.93
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน คือ t-test (Dependent Samples)
ผลการศึกษาค้นคว้าปรากฏดังนี้
1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อสมการ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.13/82.46 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อสมการ มีค่าเท่ากับ 0.6841 แสดงว่า นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนคิดเป็นร้อยละ 68.41
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อสมการ หลังเรียนสูงกว่า
ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง อสมการ โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด
( x̄ = 4.54 , S.D. = 0.39 )
5. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อสมการ หลังการทดสอบ หลังเรียนเวลาผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์ ไม่แตกต่างกัน หลังเรียนก่อนเรียน ( x̄ = 24.74, S.D. = 0.79) หลังเรียนเวลาผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์ (x̄ = 24.50, S.D. = 0.76 )
โดยสรุป แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3 เรื่อง อสมการ มีประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์ของนักเรียนและเกิดความรู้ที่ยั่งยืน ดังนั้น จึงควรสนับสนุนส่งเสริมให้ครูนำไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน รวมทั้งเป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องอื่น ๆ ต่อไป