ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ร่วมกับกระบว

บทคัดย่อ

การวิจัยเพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารและสมบัติของสาร มีวัตถุประสงค์ในการวิจัยคือ 1)เพื่อศึกษาสภาพการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครูผู้สอนสาระการเรียนรู้วิทยาศาตร์ที่ส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหานักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารและสมบัติของสารให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 3) เพื่อศึกษาผลของการใช้การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารและสมบัติของสารแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการวิจัย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการสังเกต สัมภาษณ์ คือ ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ที่เป็นครูวิทยาศาสตร์ที่มีวิทยฐานะเชี่ยวชาญ และครูที่มีประสบการณ์วิชาวิทยาศาสตร์ จำนวน 4 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง 2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนเทศบาลเมืองพัทยา 7 ( บ้านหนองพังแค) จำนวน 47 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ 1) ชุดกิจกรรมตามแนวคิดของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารและสมบัติของสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2) แบบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ 3) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ ร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ t-test (Dependent Samples)

ผลการวิจัย

1. สภาพการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครูผู้สอนสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่ส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากการสังเกตการสอนของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างมีขั้นตอนมีขั้นเตรียมเข้าสู่บทเรียนหรือขั้นนำขั้นดำเนินการสอนรวบรวมข้อมูลและสรุปผลโดยจะเน้นให้ผู้เรียนได้เกิดกระบวนการคิดและนำไปสู่กระบวนการแก้ปัญหาเพราะฉะนั้นครูควรจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ที่ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่แท้จริงจัดการเรียนการสอนที่เน้นกระบวนการมากกว่าเนื้อหาควรใช้สื่อการเรียนการสอนให้มากโดยให้นักเรียนมีส่วนในการคิดและแก้ปัญหามีส่วนร่วมในกิจกรรมของกระบวนการเรียนการสอนซึ่งจะส่งผลให้นักเรียนเป็นคนที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนอย่างไรก็ตามครูต้องยึดหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งอยู่เพื่อเป็นแนวทางในการสอนและให้นักเรียนทำกิจกรรมตามหนังสือเรียน

2. ผลการพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารและสมบัติของสาร

2.1 ผลการพัฒนารูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์ที่ส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาโดยใช้เทคนิคกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) พบว่าโครงสร้างของรูปแบบการเรียนการสอนแยกออกเป็น 4 องค์ประกอบคือ 1) ลำดับขั้นของการสอน (Syntax) 2) ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน (Social System) 3) หลักการตอบสนองต่อพฤติกรรมการเรียน (Principles of Reaction) 4) สิ่งช่วยเหลือในการสอน (Support System) เพื่อใช้เป็นกรอบคำถามในการสังเกตการสอนและสัมภาษณ์ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์รวมถึงการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) ดังนี้

2.1.1. ลำดับขั้นของการสอนครูควรมี ขั้นที่ 1 การเตรียมความพร้อมก่อนการสอนทุกดังนี้ 1. วางแผนการสอนและกระตุ้นความสนใจ 2. บอกจุดประสงค์ของการเรียนการสอน 3. ข้อตกลงในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน 4. กำหนดเกณฑ์ในการเรียนรู้ ขั้นที่ 2 ขั้นดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนจากการสังเกตการณ์สอนสัมภาษณ์การสอนของครูผู้สอนวิทยาศาสตร์และสังเคราะห์วิธีการสอนโดยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) คือ 1) การสร้างความสนใจ 2) การสำรวจและค้นหา 3) การอธิบายและลงข้อสรุป 4) การขยายความรู้ 5) การประเมินผล ขั้นที่ 3 ขั้นการประเมินผลในระหว่างการจัดกิจกรรมดังนี้ 1) ประเมินจากการทดสอบหลังเรียน 2) ประเมินพฤติกรรมการร่วมกิจกรรม 3) สังเกตการทำงานกลุ่ม

2.2. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนครูต้องมีทักษะในการสอนให้นักเรียนกล้าคิดกล้าปรึกษาจัดกิจกรรม

2.3. หลักการตอบสนองต่อพฤติกรรมการเรียนในเชิงบวก

2.4. สิ่งช่วยเหลือในการสอนคือในการเลือกใช้สื่อเพื่อประกอบการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอน

2. ผลการหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารและสมบัติของสาร ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 พบว่า ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารและสมบัติของสาร ประสิทธิภาพในการพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหา เท่ากับ 82.82 /86.44 และประสิทธิภาพด้านผลสัมฤทธิ์ เท่ากับ 83.32 /86.60ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้

3. ผลของการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารและสมบัติของสาร

3.1 ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ (E.I) ที่สอนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารและสมบัติของสารด้านความสามารถในการแก้ปัญหาเท่ากับ 0.7453แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนร้อยละ74.53 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีค่าเท่ากับ0.7507 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนร้อยละ75.07

3.2 การเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เรื่องสารและสมบัติของสารของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารและสมบัติของสารระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนคะแนนความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

3.3 ความพึงพอใจนักเรียนที่ได้รับการสอนโดยด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารและสมบัติของสาร โดยรวมอยู่ในระดับมาก

โพสต์โดย รุ่ง : [2 ม.ค. 2561 เวลา 14:44 น.]
อ่าน [65606] ไอพี : 1.46.169.36
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 44,252 ครั้ง
สรุปสูตรไฮเพอร์โบลามุมฉาก
สรุปสูตรไฮเพอร์โบลามุมฉาก

เปิดอ่าน 48,446 ครั้ง
14 วิธีการประยุกต์ใช้ลวดเสียบกระดาษ ที่คุณคาดไม่ถึง
14 วิธีการประยุกต์ใช้ลวดเสียบกระดาษ ที่คุณคาดไม่ถึง

เปิดอ่าน 17,822 ครั้ง
คืนครูสู่ห้องเรียน
คืนครูสู่ห้องเรียน

เปิดอ่าน 13,710 ครั้ง
ผักที่มีรูจากแมลงใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป...
ผักที่มีรูจากแมลงใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป...

เปิดอ่าน 11,302 ครั้ง
เที่ยวมหกรรมนวดนานาชาติ ในงานแฟร์สุขภาพ
เที่ยวมหกรรมนวดนานาชาติ ในงานแฟร์สุขภาพ

เปิดอ่าน 9,457 ครั้ง
Google Me เตรียมชนขาใหญ่ Facebook
Google Me เตรียมชนขาใหญ่ Facebook

เปิดอ่าน 21,056 ครั้ง
พิสูจน์กฎคณิตศาสตร์โดยใช้ภาพ
พิสูจน์กฎคณิตศาสตร์โดยใช้ภาพ

เปิดอ่าน 15,264 ครั้ง
คลิปฮ็อต "บัวขาว" ไล่ถลุง "ลี ซุง ฮุน" นักมวยโสมยับ แห่ชม 1.5 แสนวิวแล้ว
คลิปฮ็อต "บัวขาว" ไล่ถลุง "ลี ซุง ฮุน" นักมวยโสมยับ แห่ชม 1.5 แสนวิวแล้ว

เปิดอ่าน 11,671 ครั้ง
คลิปนี้ต้องดูคนเดียว "พนักงานร้านอาหารก็มีแม่"
คลิปนี้ต้องดูคนเดียว "พนักงานร้านอาหารก็มีแม่"

เปิดอ่าน 18,348 ครั้ง
สวมแหวนนิ้วไหนถึงจะมีโชค
สวมแหวนนิ้วไหนถึงจะมีโชค

เปิดอ่าน 16,773 ครั้ง
แฉช่องโหว่ Windows 7
แฉช่องโหว่ Windows 7

เปิดอ่าน 10,393 ครั้ง
สภาวการณ์การศึกษาไทยในเวทีโลก ปี 2557
สภาวการณ์การศึกษาไทยในเวทีโลก ปี 2557

เปิดอ่าน 14,976 ครั้ง
พัฒนาทักษะสมองอย่างไรให้เป็นคนที่สำเร็จในอนาคต
พัฒนาทักษะสมองอย่างไรให้เป็นคนที่สำเร็จในอนาคต

เปิดอ่าน 3,187 ครั้ง
เว็บไซต์หางาน กับ บริษัทจัดหางาน ครูต่างชาติ
เว็บไซต์หางาน กับ บริษัทจัดหางาน ครูต่างชาติ

เปิดอ่าน 17,113 ครั้ง
ไขมันพืช (น้ำมันปาล์ม) สาเหตุหนึ่งของอาการป่วยทางสมอง
ไขมันพืช (น้ำมันปาล์ม) สาเหตุหนึ่งของอาการป่วยทางสมอง

เปิดอ่าน 14,314 ครั้ง
"ผักติ้ว" ผักพื้นบ้านชาวอีสานที่ไม่ควรมองข้าม
"ผักติ้ว" ผักพื้นบ้านชาวอีสานที่ไม่ควรมองข้าม
เปิดอ่าน 24,095 ครั้ง
อาถรรพณ์..สุวรรณภูมิ 12 พญายักษ์..ส่งพลังร้าย
อาถรรพณ์..สุวรรณภูมิ 12 พญายักษ์..ส่งพลังร้าย
เปิดอ่าน 39,422 ครั้ง
เรียบร้อยโรงเรียนจีน วลีนี้มีที่มา
เรียบร้อยโรงเรียนจีน วลีนี้มีที่มา
เปิดอ่าน 17,426 ครั้ง
เด็กกับโรคหวัด
เด็กกับโรคหวัด
เปิดอ่าน 14,975 ครั้ง
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวไทยชนะจีน 3-2 เซต เมื่อวันที่ 20 ก.ย.56
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวไทยชนะจีน 3-2 เซต เมื่อวันที่ 20 ก.ย.56

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ