รายงานการประเมินผลโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเพื่อส่งเสริม พัฒนา ป้องกันและช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านชวดบัว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครนายก ปีการศึกษา 2559 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการดำเนินงานโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ตามรูปแบบซิปป์ (CIPP Model) ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านสภาวะแวดล้อม ด้านปัจจัยเบื้องต้น ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิต ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย ครู จำนวน 8 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 18 คน ผู้แทนชุมชน ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ดอนยอหมู่ที่ 5 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านชวดบัว จำนวน 42 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 68 คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินโครงการ คือแบบสอบถามที่ผู้ประเมินสร้างขึ้น ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.98 มีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนทั้งสิ้น 68 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 100 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการประเมินสรุปได้ดังนี้
1. การประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนด้านสภาวะแวดล้อมของโครงการภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก เมื่อเรียงค่าเฉลี่ยจากมากลงมาสามอันดับ ได้แก่ ครูมีการดำเนินการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างเป็นระบบต่อเนื่องรองลงมาคือการจัดระบบการนิเทศกำกับ ติดตามโครงการ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์และโรงเรียนมีข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคลที่ครบถ้วนเพียงพอทั้งสามอันดับผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนอันดับสุดท้ายได้แก่วัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับนโยบายของโรงเรียนและหน่วยงาน ต้นสังกัดผลการประเมินอยู่ในระดับมาก
2. การประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้านปัจจัยเบื้องต้นของโครงการภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก เมื่อเรียงจากค่าเฉลี่ยจากมากลงมาสามอันดับ ได้แก่ โครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนกำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการของโรงเรียน ผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือผู้บริหารให้ความสำคัญ เป็นผู้นำในการอำนวยการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และโครงการได้รับการสนับสนุนจากบุคคลและหน่วยงานภายนอกโรงเรียน
ผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ส่วนอันดับสุดท้าย ได้แก่ มีจำนวนบุคลากรดำเนินกิจกรรมโครงการอย่างเพียงพอ ผลการประเมินอยู่ในระดับมาก
3. การประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้านกระบวนการของโครงการภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก เมื่อเรียงจากค่าเฉลี่ยจากมากลงมาสามอันดับ พบว่าอันดับสูงสุดได้แก่มีการนิเทศ กำกับ ติดตาม การดำเนินโครงการตามขั้นตอน รองลงมาคือ ครูรับรู้สภาพนักเรียนเป็นรายบุคคลโดยใช้กิจกรรมเยี่ยมบ้าน นักเรียน การสังเกต การสัมภาษณ์ การสอบถาม ระเบียน สะสม และแบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) ผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด และอันดับสามมีค่าเฉลี่ยเท่ากันสองรายการ ได้แก่ โรงเรียนมีการศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา ความต้องการและ กำหนดประเด็นในการแก้ปัญหาและการส่งเสริมพัฒนา และมีการรายงานผลการดำเนินโครงการให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบ ผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ส่วนอันดับสุดท้าย ได้แก่ มีการคัดกรองนักเรียนเป็นกลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง/กลุ่มมีปัญหา เป็นรายห้องและภาพรวมรายโรงเรียน ผลการประเมินอยู่ในระดับมาก
4. การประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้านผลผลิตของโครงการ ภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก เมื่อเรียงค่าเฉลี่ยจากมากลงมาสามอันดับได้แก่ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์การประเมินตามหลักสูตรทุกวิชา รองลงมามีค่าเฉลี่ยเท่ากันสองอันดับคือครูและบุคลากร นักเรียนและผู้แทนชุมชนมีความตระหนักถึงความสำคัญของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และนักเรียนเป็นคนดี มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีคุณธรรม ปฏิบัติตามหลักธรรมศาสนา และอันดับสาม ได้แก่ ครูและบุคลากร นักเรียนและและผู้แทนชุมชนมีความภาคภูมิใจในการเข้าร่วมโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ทุกอันดับมีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนอันดับสุดท้ายได้แก่นักเรียนได้รับความช่วยเหลือด้านทุนการศึกษา และอุปกรณ์การเรียน และอื่นๆ มีความเป็นอยู่ด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม ผลการประเมินอยู่ในระดับมาก
5. การประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน สรุปรวมทุกด้านมีระดับการประเมินอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านและเรียงค่าเฉลี่ยจากมากลงมา ได้แก่ ด้านผลผลิตของโครงการ รองลงมาคือด้านกระบวนการของโครงการ และด้านสภาวะแวดล้อมของโครงการ อันดับสุดท้ายคือ ด้านปัจจัยเบื้องต้นของโครงการ