บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง การเขียนโปรแกรมภาษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 3) เปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนหลังได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 4) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 5) ศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนหลังได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 6) ศึกษาความคงทนการเรียนรู้หลังได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนเทศบาลบูรพาพิทยาคาร สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม
คัดเลือกเป็นกลุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวนนักเรียน
30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 8 เล่ม 2) แบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (X)
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Dependent Sample)
ผลการศึกษาพบว่า
1. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 89.54/88.92 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80
ที่กำหนดไว้
2. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด (X = 4.57 ,
S.D. = 0.50)
3. ดัชนีประสิทธิผลของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มีค่าเท่ากับ 0.8428 หรือคิดเป็น
ร้อยละ 84.28
4. นักเรียนมีคะแนนหลังเรียนด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
5. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ โดยรวมอยู่ในระดับมาก (X = 4.48 , S.D. = 0.50)
6. นักเรียนมีความคงทนการเรียนรู้หลังเรียนรู้ด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เมื่อเวลาผ่านไป 7 วัน คะนนลดลงร้อยละ 3.81 และเมื่อเวลาผ่านไป 30 วัน คะแนนลดลงร้อยละ 13.92 ความคงทนการเรียนรู้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด