ครูบ้านนอก

บทคัดย่อ

หัวข้อวิจัย รายงานการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้ชุดการสอน

เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ผู้วิจัย จิรัญญา เกิดสม

ปีการศึกษา 2557

การศึกษาในครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างและพัฒนาชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 5 เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียน โดยใช้ชุดการสอน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้ ชุดการสอน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 302 โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ นครศรีธรรมราช ที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ 5 รหัสวิชา ว23101 ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 35 คน จากประชากร 97 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) ซึ่งเหตุผลที่เลือกนักเรียนกลุ่มนี้เนื่องจากมีนักเรียนเก่ง อ่อน ปานกลาง คละกัน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ประกอบด้วย ชุดการสอน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 9 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า t-test

ผลการศึกษาพบว่า 1) ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 5 เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.62 / 83.24 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 2.5 ขึ้นไป ถือว่าเป็นชุดการสอนที่มีประสิทธิภาพดีมาก เป็นไปตามสมมติฐาน 2) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังเรียนโดยใช้ชุดการสอน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 เป็นไปตามสมมติฐาน และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดการสอน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจระดับมากที่สุดต่อชุดการสอน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ โดยมีค่าเฉลี่ย ( x̄ = 4.68) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D. ) เท่ากับ 0.43 เป็นไปตามสมมติฐาน

เว็บน่าสนใจ