ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
ชื่อเรื่อง : รายงานผลการพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมด้านความร่วมมือ โดยใช้กิจกรรมเกม การศึกษาร่วม

บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง : รายงานผลการพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมด้านความร่วมมือ โดยใช้กิจกรรมเกม

การศึกษาร่วมด้วยช่วยกันของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1

ชื่อผู้ศึกษา : นางเสาวลักษณ์ วรรณคำ

ปีการศึกษา: 2559

รายงานผลการพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมด้านความร่วมมือโดยใช้กิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกันของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1 ของโรงเรียนชุมชนบ้านหมอกจำแป่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 1 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของการพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมด้านความร่วมมือรายด้านและภาพรวม ระหว่างการจัดกิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกัน จำนวน 9 สัปดาห์และศึกษาผลการเปรียบเทียบการพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมด้านความร่วมมือ ก่อนและหลังการใช้กิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกันรายด้าน และภาพรวม ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1 โรงเรียนชุมชนบ้านหมอกจำแป่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 1 ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 14 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ (1) คู่มือการจัดกิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกัน (2) แผนการจัดกิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกัน (3)แบบสังเกตพฤติกรรมการพัฒนาทางสังคมด้านความร่วมมือ วิธีการดำเนินการศึกษาโดยใช้รูปแบบการทดลองกับประชากรกลุ่มเดียว (One Group Pretest-Posttest Design) คือ ดำเนินการสังเกตพฤติกรรมการพัฒนาทางสังคมด้านความร่วมมือโดยใช้ แบบสังเกตพฤติกรรมการพัฒนาทางสังคมด้านความร่วมมือและดำเนินการจัดกิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกันเพื่อพัฒนาพฤติกรรมการพัฒนาทางสังคมด้านความร่วมมือและสังเกตพฤติกรรมการพัฒนาทางสังคมด้านความร่วมมือ ระหว่างการดำเนินการ จัดกิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกันตามแผน จำนวน 27 แผน แล้วรวบรวมประมวลผลเป็นช่วงสัปดาห์ จำนวน 9 ครั้ง 9 สัปดาห์ แล้วจึงทำการทดสอบหลังกิจกรรม ด้วยแบบทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ชุดเดียวกัน แล้วจึงทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ศึกษาด้วยค่าเฉลี่ย (µ) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ) และค่าร้อยละ

สรุปผลการศึกษา ดังนี้

ในการศึกษาผลการพัฒนาพัฒนาพฤติกรรมการพัฒนาทางสังคมด้านความร่วมมือของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1 โดยการจัดกิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกัน ผู้ศึกษาขอสรุปผล ดังนี้

1. ผลการพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมด้านความร่วมมือของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1ระหว่างการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกัน ช่วง 9 สัปดาห์ จากการวัดและประเมินผลทุกแผน 27 แผน แล้วเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล 9 ช่วงสัปดาห์ ผลปรากฏว่า การพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมด้านความร่วมมือ ทั้ง 4 รายการ คือ การช่วยเหลือเอื้อเฟื้อแบ่งปันกับผู้อื่น การยอมรับข้อตกลงและปฏิบัติตามข้อตกลง การอดทนรอคอยตามลำดับก่อนหลังและความรับผิดชอบในการเก็บเกมเข้าที่หลังจากเล่นเสร็จและในภาพรวม เริ่มสัปดาห์แรก ผลการวัดและประเมินเฉลี่ย (µ) อยู่ที่ระดับพอใช้ (1.79, 1.76, 1.83, 1.74 และ 1.78 ตามลำดับ) เมื่อจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมกิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกัน ถึงสัปดาห์ที่ 9 ผลการวัดและประเมินของนักเรียนมีค่าเฉลี่ย (µ) อยู่ที่ระดับดี (2.86, 2.88, 2.93, 2.83 และ 2.88 ตามลำดับ) เมื่อพิจารณาพฤติกรรมแต่ละด้านและภาพรวม ปรากฏว่า มีการพัฒนาดีขึ้นทุกช่วงสัปดาห์ และผลรวมโดยเฉลี่ย(µ) ของแต่ละพฤติกรรมและภาพรวมอยู่ในระดับดีทุกด้าน (2.33, 2.32, 2.38, 2.28 และ 2.33 ตามลำดับ) แสดงว่า การพัฒนาพฤติกรรมทางสังคม โดยการจัดประสบการณ์กิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกัน ของนักเรียน ชั้นอนุบาลปีที่ 1 มีพัฒนาการดีขึ้นทุกช่วงสัปดาห์

2. ผลการเปรียบเทียบการพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมด้านความร่วมมือก่อนและหลัง การจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกัน ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1 ทำการสังเกตพฤติกรรมโดยแบบสังเกตพฤติกรรมการพัฒนาทางสังคมด้านความร่วมมือ พบว่า หลังการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกัน นักเรียนมีคะแนนรายพฤติกรรม จำนวน 4 รายการ คือ การช่วยเหลือเอื้อเฟื้อแบ่งปันกับผู้อื่น การยอมรับข้อตกลงและปฏิบัติตามข้อตกลง การอดทนรอคอยตามลำดับก่อนหลัง และความรับผิดชอบในการเก็บเกมเข้าที่หลังจากเล่นเสร็จและภาพรวม (2.89, 2.89, 2.86, 2.93 และ 2.89 ตามลำดับ) สูงกว่าก่อนการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกัน (1.79, 1.61, 1.64, 1.68 และ 1.68 ตามลำดับ) เมื่อพิจารณาถึงผลต่างของคะแนนทั้ง 2 ส่วน ผลปรากฏว่า มีความแตกต่างกัน ทั้งรายพฤติกรรมและภาพรวม ดังนี้ ด้านการช่วยเหลือเอื้อเฟื้อแบ่งปันกับผู้อื่น มีความแตกต่างกัน 1.10 คิดเป็นร้อยละ 36.67 ด้านการยอมรับข้อตกลงและปฏิบัติตามข้อตกลง มีความแตกต่างกัน 1.28 คิดเป็นร้อยละ 42.67 ด้านการอดทนรอคอยตามลำดับก่อนหลัง มีความแตกต่างกัน 1.22 คิดเป็นร้อยละ 40.67 ด้านความรับผิดชอบในการเก็บเกมเข้าที่หลังจากเล่นเสร็จ มีความแตกต่างกัน 1.25 คิดเป็นร้อยละ 41.67 และในภาพรวม มีความแตกต่างกัน 1.21 คิดเป็นร้อยละ 40.42 แสดงว่า การพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมด้านความร่วมมือโดยการจัดประสบการณ์กิจกรรม เกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกัน ซึ่งเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนหลังสูงกว่าก่อนการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมเกมการศึกษาร่วมด้วยช่วยกันทุกพฤติกรรมและภาพรวม

โพสต์โดย ครูตุ๊ : [14 ธ.ค. 2560 เวลา 18:03 น.]
อ่าน [5295] ไอพี : 118.175.227.156
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 65,020 ครั้ง
"แคดอกแดง" มีประโยชน์อย่างไร?
"แคดอกแดง" มีประโยชน์อย่างไร?

เปิดอ่าน 19,872 ครั้ง
ลำดับเสนาบดี รมว.ธรรมการ รมว.ศึกษาธิการ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๓๕ -ปัจจุบัน
ลำดับเสนาบดี รมว.ธรรมการ รมว.ศึกษาธิการ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๓๕ -ปัจจุบัน

เปิดอ่าน 9,732 ครั้ง
มติ ครม. เห็นชอบลงทะเบียนซิมเติมเงิน-ฟรี Wi-Fi เป็นวาระแห่งชาติ
มติ ครม. เห็นชอบลงทะเบียนซิมเติมเงิน-ฟรี Wi-Fi เป็นวาระแห่งชาติ

เปิดอ่าน 10,790 ครั้ง
พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง
พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง

เปิดอ่าน 30,958 ครั้ง
แบบฝึกคิดเลขในใจ ระดับ 1 - ระดับ 5
แบบฝึกคิดเลขในใจ ระดับ 1 - ระดับ 5

เปิดอ่าน 22,442 ครั้ง
ลิ้น ก็บอกปัญหาสุขภาพได้เหมือนกัน
ลิ้น ก็บอกปัญหาสุขภาพได้เหมือนกัน

เปิดอ่าน 15,049 ครั้ง
ดื่ม"กาแฟ"มากเกินไป เสี่ยงตายเพิ่มขึ้น
ดื่ม"กาแฟ"มากเกินไป เสี่ยงตายเพิ่มขึ้น

เปิดอ่าน 23,071 ครั้ง
เผด็จการคืออะไร
เผด็จการคืออะไร

เปิดอ่าน 253,382 ครั้ง
10 บุคคลสำคัญ ผู้ทรงอิทธิพลของโลก
10 บุคคลสำคัญ ผู้ทรงอิทธิพลของโลก

เปิดอ่าน 19,468 ครั้ง
คลิปยอดฮิต ครูนกเล็ก ร้อง PPAP สอนเด็กนักเรียน
คลิปยอดฮิต ครูนกเล็ก ร้อง PPAP สอนเด็กนักเรียน

เปิดอ่าน 15,701 ครั้ง
ตกแต่งห้องให้ดูกว้างขึ้น
ตกแต่งห้องให้ดูกว้างขึ้น

เปิดอ่าน 34,265 ครั้ง
น้ำแร่และน้ำเปล่าแตกต่างกันอย่างไร
น้ำแร่และน้ำเปล่าแตกต่างกันอย่างไร

เปิดอ่าน 19,957 ครั้ง
สมุนไพร"บัวบก"คุณค่าที่มากกว่าแก้ช้ำใน
สมุนไพร"บัวบก"คุณค่าที่มากกว่าแก้ช้ำใน

เปิดอ่าน 15,318 ครั้ง
วิธีสังเกตยาที่เสื่อมคุณภาพ
วิธีสังเกตยาที่เสื่อมคุณภาพ

เปิดอ่าน 2,903 ครั้ง
อยากจมูกโด่งมีดั้ง จะเลือกผ่าตัดเสริมจมูก ร้อยไหม หรือฉีดฟิลเลอร์ดี?
อยากจมูกโด่งมีดั้ง จะเลือกผ่าตัดเสริมจมูก ร้อยไหม หรือฉีดฟิลเลอร์ดี?

เปิดอ่าน 14,111 ครั้ง
คลิป การจอดรถสุดเกรียน ชนิดเทพอยากเอามือปิดหน้า
คลิป การจอดรถสุดเกรียน ชนิดเทพอยากเอามือปิดหน้า
เปิดอ่าน 15,083 ครั้ง
โลก 360 องศา ซีรีส์การศึกษาในฟินแลนด์ ตอน คนเบาบาง แต่คุณภาพเข้มข้น
โลก 360 องศา ซีรีส์การศึกษาในฟินแลนด์ ตอน คนเบาบาง แต่คุณภาพเข้มข้น
เปิดอ่าน 11,636 ครั้ง
เตือนภัย : หนุ่มๆ ที่ชอบใช้โน้ตบุ๊ค
เตือนภัย : หนุ่มๆ ที่ชอบใช้โน้ตบุ๊ค
เปิดอ่าน 14,034 ครั้ง
ไม่กินข้าวเช้า เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
ไม่กินข้าวเช้า เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
เปิดอ่าน 15,564 ครั้ง
มะเร็งเน็ต...ภัยร้ายชนิดใหม่ เสี่ยงตายไม่รู้ตัว
มะเร็งเน็ต...ภัยร้ายชนิดใหม่ เสี่ยงตายไม่รู้ตัว

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ