ชื่อผู้วิจัย เบญญาภา มีช่วย
ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4
สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาลบ้านคูหาสวรรค์
ปีการศึกษา 2559
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตราด้วยวิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตราด้วยวิธีสอนแบบ ซิปปา (CIPPA MODEL) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตราด้วยวิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโรงเรียนเทศบาลบ้านคูหาสวรรค์ ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 สังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองพัทลุง จำนวน 34 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ 1) แบบฝึกทักษะการอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา จำนวน 8 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 24 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตราเป็นข้อสอบปรนัย จำนวน 30 ข้อ ที่มีค่าความเชื่อมั่นที่ 0.86
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ E_1/E_2(80/80) ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติ (t-test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตราด้วยวิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 87.13/88.40 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้และเป็นไปตามสมมติฐาน
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตราด้วยวิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) ของกลุ่มตัวอย่างแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน
3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตราด้วยวิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก คือ (X ̅=4.26) ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน