ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT

ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5

ชื่อผู้ศึกษา นางสาวธัญญ์ฐิตา พงศธรภูริวัฒน์

สถานศึกษา โรงเรียนประทาย อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา

ปีที่ศึกษา 2560

บทคัดย่อ

การศึกษาการพัฒนาของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบ

กลุ่มร่วมมือ เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพ 80/80 เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนจากการเรียนด้วย

แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 / 4 โรงเรียนประทาย อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 44 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทั้งหมดจำนวน 8 ชุด 2) หน่วยการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์9 เรื่องอนุกรม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 1 หน่วย 8 เรื่อง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์9 เรื่องอนุกรม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 1 ชุด ทั้งหมด 40 ข้อ และ 4) แบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 10 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลการหาประสิทธิภาพของ

แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตามเกณฑ์ 80 / 80 คำนวณจากสูตร E1 / E2 , หาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากคะแนนสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียน (E.I.) การทดสอบสมมติฐานเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนจากการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากคะแนนสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนใช้การทดสอบค่าที (t – test แบบ Dependent) และการวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากคะแนนประเมินความพึงพอใจของนักเรียนโดยใช้ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบียนมาตรฐาน (S.D.)

ผลการศึกษาพบว่า

1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิคเรียนรู้

ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่พัฒนาขึ้น มีจำนวน 6 ชุด ได้ผ่านขั้นตอนการหาประสิทธิภาพตามขั้นตอน จนแบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์วรรณคดี มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 83.92/82.44 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ที่ 80/80

2. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ

เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเท่ากับ .6520 หรือคิดเป็นร้อยละ 65.20 แสดงว่านักเรียน ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ มีความก้าวหน้าร้อยละ 65.20

3. นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ

เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอนุกรม โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ

เทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.53 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.50

โดยสรุป การศึกษาครั้งนี้ทำให้ได้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนบรรลุตามจุดประสงค์การเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ส่งผลให้นักเรียนสนุกกับการเรียนรู้ กระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้นที่จะเรียนทำให้เรียนรู้

ได้เร็วขึ้น เข้าใจในเนื้อหาบทเรียนได้ดีขึ้น สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เกิดความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น

โพสต์โดย ญาญ่า : [4 ธ.ค. 2560 เวลา 11:48 น.]
อ่าน [5185] ไอพี : 101.51.161.14
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 20,217 ครั้ง
ทานไข่วันละกี่ฟอง ถึงจะดี?
ทานไข่วันละกี่ฟอง ถึงจะดี?

เปิดอ่าน 17,570 ครั้ง
กินอาหารจากไมโครเวฟบ่อย ๆ อันตรายไหมนะ?
กินอาหารจากไมโครเวฟบ่อย ๆ อันตรายไหมนะ?

เปิดอ่าน 18,680 ครั้ง
หลักเกณฑ์ใหม่ในการตั้งชื่อวัด
หลักเกณฑ์ใหม่ในการตั้งชื่อวัด

เปิดอ่าน 16,470 ครั้ง
ประโยชน์ของโยเกิร์ต
ประโยชน์ของโยเกิร์ต

เปิดอ่าน 14,081 ครั้ง
"โปรตีน" ตัวช่วยของสาวอยากผอม
"โปรตีน" ตัวช่วยของสาวอยากผอม

เปิดอ่าน 29,944 ครั้ง
ดูคลิปนี้จบแล้วคุณจะเข้าใจ  "ครูผู้สอนด้วยหัวใจ (From The Heart)" : หนังครู 7- Eleven
ดูคลิปนี้จบแล้วคุณจะเข้าใจ "ครูผู้สอนด้วยหัวใจ (From The Heart)" : หนังครู 7- Eleven

เปิดอ่าน 10,018 ครั้ง
สดร.ชี้ข่าวโลกมืดสนิท 6 วันเพราะฝุ่น-ขยะอวกาศบดบังไม่จริง
สดร.ชี้ข่าวโลกมืดสนิท 6 วันเพราะฝุ่น-ขยะอวกาศบดบังไม่จริง

เปิดอ่าน 17,766 ครั้ง
ภัยร้ายความเค็มสะสมจากพริกน้ำปลา
ภัยร้ายความเค็มสะสมจากพริกน้ำปลา

เปิดอ่าน 9,834 ครั้ง
เคล็ดลับดูแลผมในหน้าร้อน
เคล็ดลับดูแลผมในหน้าร้อน

เปิดอ่าน 12,459 ครั้ง
บัญญัติ 10 ประการอำพรางหุ่น
บัญญัติ 10 ประการอำพรางหุ่น

เปิดอ่าน 17,489 ครั้ง
วิธีดูแลริมฝีปากให้สวยแดงเป็นระเรื่อ แลดูสุขภาพดี
วิธีดูแลริมฝีปากให้สวยแดงเป็นระเรื่อ แลดูสุขภาพดี

เปิดอ่าน 15,989 ครั้ง
การศึกษาเท่านั้นที่ทำให้ประเทศเจริญ : โดย สุกรี เจริญสุข
การศึกษาเท่านั้นที่ทำให้ประเทศเจริญ : โดย สุกรี เจริญสุข

เปิดอ่าน 22,898 ครั้ง
4 เรื่องฝากครรภ์ที่แม่ต้องรู้
4 เรื่องฝากครรภ์ที่แม่ต้องรู้

เปิดอ่าน 17,281 ครั้ง
ฮอร์โมนเพศชายDHT-ต้นตอศีรษะล้าน
ฮอร์โมนเพศชายDHT-ต้นตอศีรษะล้าน

เปิดอ่าน 55,738 ครั้ง
สมรรถนะวิชาชีพ (Vocational Competency)
สมรรถนะวิชาชีพ (Vocational Competency)

เปิดอ่าน 16,908 ครั้ง
ฮือฮา พญานาคโผล่รับเครื่องสักการะ หลังพิธีบุญกฐินน้ำ
ฮือฮา พญานาคโผล่รับเครื่องสักการะ หลังพิธีบุญกฐินน้ำ
เปิดอ่าน 15,620 ครั้ง
ADSL Technology
ADSL Technology
เปิดอ่าน 11,718 ครั้ง
แชร์การแสดงสร้างสรรค์ "Cup song โรงเรียนบ้านต้นโชค"
แชร์การแสดงสร้างสรรค์ "Cup song โรงเรียนบ้านต้นโชค"
เปิดอ่าน 21,449 ครั้ง
รู้ยัง? “5 ผลไม้ เด่น ที่น่าปลูกในอนาคต” มีอะไรบ้าง
รู้ยัง? “5 ผลไม้ เด่น ที่น่าปลูกในอนาคต” มีอะไรบ้าง
เปิดอ่าน 10,342 ครั้ง
27ก.ย.2555 Google ครบรอบ 14 ปีกูเกิล Search Engine
27ก.ย.2555 Google ครบรอบ 14 ปีกูเกิล Search Engine

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ