ชื่อเรื่อง การพัฒนาศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเพื่อส่งเสริมทักษะ
การคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนโรงเรียนโนนกอกวิทยา
สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ
ผู้วิจัย ประมวล คิดควร
หน่วยงาน โรงเรียนโนนกอกวิทยา อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ
สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ
ปีที่ศึกษา ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาให้
ผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมายตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2545 เพื่อให้บุคลากรพัฒนาตนเองในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน อันจะทำให้เกิดการพัฒนาไปสู่ความเป็นครูมืออาชีพ ด้วยการคิดค้นหาแนวทางใหม่เพื่อพัฒนาตนเอง การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์ของการวิจัย เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแบบสร้างสรรค์ของนักเรียนโดยการพัฒนาบุคลากรในโรงเรียนโนนกอกวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ให้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน ในการวิจัยครั้งนี้ใช้การวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) ตามแนวคิดของเคมมิสและแม็กแท็กการ์ท (Kemmis and McTaggart) กลุ่มผู้ร่วมวิจัย จำนวน 12 คน ประกอบด้วยผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัย จำนวน 11 คน และผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมจำนวน 153 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบ แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์ แบบประเมินแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบประเมินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบประเมินความคิดสร้างสรรค์ การตรวจสอบข้อมูลใช้เทคนิคการตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า (Triangulation Technique) และนำเสนอผลการวิจัยโดยวิธีการพรรณนาวิเคราะห์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัยพบว่า
การพัฒนาบุคลากรในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเพื่อส่งเสริมทักษะการ
คิดของนักเรียนโรงเรียนโนนกอกวิทยา ในวงรอบที่ 1 โดยใช้กลยุทธ์การประชุมเชิงปฏิบัติการและการนิเทศ ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ผู้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการดำเนินการเขียนแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน และดำเนินการจัดให้มีการนิเทศ ทำให้กลุ่มผู้ร่วมวิจัยมีความรู้ ความเข้าใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน พบว่า คะแนนผลการทดสอบหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาบุคลากรในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานโรงเรียนโนนกอกวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ผลการพัฒนาดีขึ้นทุกคน คะแนนเต็ม 30 คะแนน ผู้ร่วมวิจัยทั้ง 11 คน ทำคะแนนเฉลี่ย X-BAR เท่ากับ 29.42 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 1.40 การจัดทำแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน แล้วนำไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานได้ตามขั้นตอนการจัดทำโครงงานทั้ง 6 ขั้นตอน ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แก่ การคิดและเลือกปัญหาที่จะศึกษา/หัวข้อเรื่อง การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง การเขียนเค้าโครงของโครงงาน การลงมือทำโครงงาน การเขียนรายงาน การแสดงผลงาน บุคลากรส่วนใหญ่สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานได้ แต่มีบุคลากรบางส่วนขาดความชำนาญในขั้นการเขียนรายงานและการแสดงผลงาน มีผลการประเมินแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานของผู้ร่วมวิจัย ค่าเฉลี่ย X-BAR เท่ากับ 4.49 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.76 ผลการประเมินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานของผู้ร่วมวิจัย พบว่า กลุ่มผู้ร่วมวิจัยโดยรวมสามารถจัดการเรียนรู้แบบโครงงานได้อยู่ในระดับเหมาะสมมาก โดยมีค่าเฉลี่ย X-BAR เท่ากับ 3.85 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.36 ผลการประเมินโครงงานนักเรียน พบว่า นักเรียนสามารถจัดทำโครงการได้อยู่ในระดับดี โดยมีค่าเฉลี่ย X-BAR เท่ากับ 76.90 และมีผลการประเมินความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน พบว่า นักเรียนมีทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์อยู่ในระดับดี โดยมีค่าเฉลี่ย X-BAR เท่ากับ 10.59 จึงมีการพัฒนาในวงรอบที่ 2 โดยใช้กลยุทธ์การนิเทศ จัดให้มีการนิเทศและสังเกตการณ์จัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เพื่อนำผลการนิเทศมาปรับปรุงและพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานให้ดียิ่งขึ้น ผู้นิเทศได้ให้ข้อเสนอแนะสำหรับนำไปปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง ทำให้ผู้ร่วมวิจัยนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงในขั้นการเขียนรายงาน การแสดงผลงาน จนทำให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น มีผลการประเมินแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานของผู้ร่วมวิจัย ค่าเฉลี่ยX-BAR เท่ากับ 4.49 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.76 ผลการประเมินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานของผู้ร่วมวิจัย พบว่า กลุ่มผู้ร่วมวิจัยโดยรวมสามารถจัดการเรียนรู้แบบโครงงานได้อยู่ในระดับเหมาะสมมาก โดยมีค่าเฉลี่ย X-BAR เท่ากับ 4.20 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.09 ผลการประเมินโครงงานนักเรียน พบว่า นักเรียนสามารถจัดทำโครงการได้อยู่ในระดับดีมาก โดยมีค่าเฉลี่ย X-BAR เท่ากับ 81.67 และมีผลการประเมินความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน พบว่า นักเรียนมีทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์อยู่ในระดับดีมาก โดยมีค่าเฉลี่ย X-BAR เท่ากับ 13.11
โดยสรุป การพัฒนาบุคลากรในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดของนักเรียนโรงเรียนโนนกอกวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ โดยใช้กลยุทธ์การประชุมเชิงปฏิบัติการและการนิเทศ เมื่อครบ 2 วงรอบแล้วทำให้บุคลากรได้รับความรู้ ความเข้าใจและสามารถเขียนแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานได้ดียิ่งขึ้น ส่งเสริมทักษะการคิดแบบสร้างสรรค์ของนักเรียน จึงควรสนับสนุน ส่งเสริมให้นำกลยุทธ์ดังกล่าวไปใช้ในการพัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาอื่นต่อไป