ผู้ศึกษาค้นคว้า นางสาวสุภาพร สุ่ยหล้า
กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์
ปีที่ทำการศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2) สร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ผู้วิจัยสร้างขึ้น 4) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ผู้วิจัยสร้างขึ้น 5) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อชุดแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น กลุ่มเป้าหมายคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนบ้านพัฒนาสามัคคี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 18 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ 15 แผน แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ จำนวน 10 หน่วย แบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบวัดความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ผู้วิจัยเก็บข้อมูลก่อนเรียนและหลังเรียนเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าร้อยละ (Percentage) คำนวณคะแนนเฉลี่ย
ผลการวิจัยพบว่า
1. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เรื่อง การบวก การลบ การคูณทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีขั้นตอนการดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ 3 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน เป็นการสร้างความสนใจ เตรียมความพร้อมของนักเรียน แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบและทบทวนความรู้เดิม เพื่อเชื่อมโยงกับความรู้ใหม่ที่จะเรียนต่อไป 2) ขั้นสอน เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา ซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้ (1) ขั้นเผชิญสถานการณ์ปัญหาและแก้ปัญหาเป็นรายบุคคล เป็นขั้นตอนที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมจากสถานการณ์ปัญหาที่ผู้วิจัยเตรียมไว้เป็นรายบุคคล ตามกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นทำความเข้าใจปัญหา ขั้นวางแผนแก้ปัญหา ขั้นดำเนินการตามแผน และขั้นมองย้อนกลับ (2) ขั้นระดมสมองระดับกลุ่มย่อย เป็นขั้นตอนที่นักเรียนแต่ละกลุ่มจะช่วยกันสรุปแนวคิดและหาคำตอบของปัญหาระดับกลุ่มย่อย ตามกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา (3) ขั้นไตร่ตรองระดับกลุ่มใหญ่ เป็นขั้นที่นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลงาน โดยกลุ่มอื่นๆ และผู้วิจัยช่วยกันอภิปรายซักถาม เพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้น (4) ขั้นสรุป เป็นการร่วมกันอภิปราย ซักถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เพื่อสรุปองค์ความรู้ที่ได้ (5) ขั้นนำไปใช้ นักเรียนจะได้ทำแบบฝึกทักษะที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เพื่อนำความรู้ที่ได้เรียนมาไปใช้ในการแก้ปัญหาใหม่ 3) ขั้นวัดและประเมินผล เป็นการประเมินความรู้ความเข้าใจในการเรียนแต่ละครั้ง
2. แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นจำนวน 10 หน่วย มีประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 85.48/82.04 ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
3. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเท่ากับ 0.6166 หมายความว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นจากก่อนเรียนคิดเป็นร้อยละ 61.66
4. นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
5. แบบวัดความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ได้ค่าความพึงพอใจระหว่าง 4.06-4.94 คิดเป็นค่าเฉลี่ยโดยรวม 4.41 อยู่ในระดับมาก