บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง การศึกษาผลการใช้ ชุดฝึกเสริมทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ
(English Conversation Practice) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้ศึกษา กัลยา นาวา
โรงเรียนเทศบาล 2 (สามัคคีราษฎร์รังสรรค์)
ปีการศึกษา 2559
..................................................................................................................................
การศึกษาผลการใช้ชุดฝึกเสริมทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ (English Conversation Practice) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 2 (สามัคคีราษฎร์รังสรรค์) มีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดฝึกเสริมทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ (English Conversation Practice) ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษ โดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ (English Conversation Practice) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ (English Conversation Practice) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 2 (สามัคคีราษฎร์รังสรรค์) ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยชุดฝึกเสริมทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ (English Conversation Practice) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 6 ชุด แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 6 แผน เวลาเรียน 18 ชั่วโมง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษา
1. ประสิทธิภาพ (E1/E2) ชุดฝึกเสริมทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ (English
Conversation Practice) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพโดยรวม เท่ากับ 83.88/85.20 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษ เมื่อเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะการ
สนทนาภาษาอังกฤษ (English Conversation Practice) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
พบว่าหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน เฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 34.27
3. ความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ โดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ
(English Conversation Practice) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับ
พึงพอใจมากที่สุด ( = 4.82, = 0.13)