ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สาระเศรษฐศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านสวายซอ ตำบลโคกยาง
อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ผู้รายงาน นางโสภา ทองพลา
หน่วยงานที่สังกัด โรงเรียนบ้านสวายซอ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3
ปีที่รายงาน 2558
บทคัดย่อ
การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สาระเศรษฐศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านสวายซอ ตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สาระเศรษฐศาสตร์ กลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านสวายซอ ตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สาระเศรษฐศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านสวายซอ ตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน 3) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สาระเศรษฐศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านสวายซอ ตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการจัด การเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สาระเศรษฐศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านสวายซอ ตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนบ้าน
สวายซอ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 12 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ สาระเศรษฐศาสตร์ จำนวน 12 แผน 2) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สาระเศรษฐศาสตร์ จำนวน 6 ชุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สาระเศรษฐศาสตร์ เป็นแบบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และ 4) แบบประเมินความพึงพอใจ เป็นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 23 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดัชนีประสิทธิผล และทดสอบสมมติฐาน โดยใช้ t - test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สาระเศรษฐศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม มีประสิทธิภาพ 84.81/82.78 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สาระเศรษฐศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม คะแนนเฉลี่ยทดสอบหลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยทดสอบก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สาระเศรษฐศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม มีค่าเท่ากับ 0.70755 ทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นเท่ากับ 0.70755 หรือคิดเป็นร้อยละ 70.75
4. ระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สาระเศรษฐศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โดยภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
จากการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สาระเศรษฐศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาและแก้ปัญหาให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จะเห็นได้ว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น และนักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียน ซึ่งถือว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นสื่อการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพสามารถนำไปใช้ในการเรียน การสอนได้เป็นอย่างดี