ชื่อเรื่อง การประเมินอภิมานหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น
เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โรงเรียนเทศบาล 4 เจริญอุปถัมภ์ปัญญาธร ประจำปีการศึกษา 2558
ผู้วิจัย นางพัชรี เจริญศรีสุวัฒน์
โรงเรียน เทศบาล 4 เจริญอุปถัมภ์ปัญญาธร กองการศึกษา เทศบาลเมืองพนัสนิคม
จังหวัดชลบุรี
ปีที่วิจัย 2558
บทคัดย่อ
การวิจัย เรื่อง การประเมินอภิมานหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โรงเรียนเทศบาล 4 เจริญอุปถัมภ์ปัญญาธร ประจำปีการศึกษา 2558 มีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อประเมินอภิมานหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โรงเรียนเทศบาล 4 เจริญอุปถัมภ์ปัญญาธร ประจำปีการศึกษา 2558 (2) เพื่อประเมินคุณค่าหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โรงเรียนเทศบาล 4 เจริญอุปถัมภ์ปัญญาธร ประจำปีการศึกษา 2558 และ (3) เพื่อพัฒนาโมเดลคุณค่าหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โรงเรียนเทศบาล 4 เจริญอุปถัมภ์ปัญญาธร โดยใช้หลักการของแบบจำลองสมการเชิงโครงสร้าง (Structural Equation Model)ดำเนินการวิจัยโดยใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method Approach) ในระยะแรกใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Approach) กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key Informants) ที่เป็นครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำและพัฒนาหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 4 เจริญอุปถัมภ์ปัญญาธร กลุ่มละ 10 คน รวมทั้งสิ้น 30 คน ซึ่งวิธีการคัดเลือกโดยวิธีเจาะจง (Purposive Sampling Technique) สำหรับกลุ่มครูและบุคลากรทางการศึกษา และใช้วิธีบอกต่อ (Snowball Technique) สำหรับกลุ่มนักเรียน และผู้ปกครอง ใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก ร่วมกับการสังเกตแบบมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา โดยใช้โปรแกรม ATLAS.ti ช่วยในการวิเคราะห์ ส่วนการวิจัยในระยะที่สองใช้วิธีเชิงปริมาณ (Quantitative Approach) กับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักเรียน และผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 4 เจริญอุปถัมภ์ปัญญาธร กลุ่มละ 160 คน รวมทั้งสิ้น 320 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบเป็นระบบ (Systematic Sampling) ใช้วิธีการสัมภาษณ์ตามแบบสัมภาษณ์ที่สร้างขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และวิเคราะห์แบบจำลองสมการเชิงโครงสร้าง (SEM) โดยใช้โปรแกรม LISREL
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการประเมินอภิมานหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โรงเรียนเทศบาล 4 เจริญอุปถัมภ์ปัญญาธร ประจำปีการศึกษา 2558 พบว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน นักเรียน ตลอดจนผู้ปกครองยังมีความเห็นตรงกันว่าหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โรงเรียนเทศบาล 4 เจริญอุปถัมภ์ปัญญาธร มีความเหมาะสมในการดำเนินการ โดยองค์ประกอบของการประเมินที่สำคัญที่สุด คือ ด้านประสิทธิผลของการประเมิน (Cost-effectiveness) รองลงมา คือ ด้านอรรถประโยชน์ (Utility) ด้านความตรงของการประเมิน (Validity) ด้านจริยธรรมในการประเมิน (Ethicality) และด้านความน่าเชื่อถือของนักประเมิน (Credibility) ตามลำดับ
2. คุณค่าหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนโรงเรียนเทศบาล 4 เจริญอุปถัมภ์ปัญญาธร ประจำปีการศึกษา 2558 ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (ร้อยละ 61.37) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความตรงของการประเมิน (Validity) ด้านอรรถประโยชน์ (Utility) ด้านจริยธรรมในการประเมิน (Ethicality) ด้านความน่าเชื่อถือของนักประเมิน (Credibility) และด้านประสิทธิผลของการประเมิน (Cost-effectiveness) ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับมาก (ร้อยละ 68.22, 80.06, 58.88, 74.28 และ76.54 ตามลำดับ) และองค์ประกอบที่มีนัยสำคัญต่อคุณค่าหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้แก่ องค์ประกอบด้านความตรงของการประเมินด้านอรรถประโยชน์ด้านจริยธรรมในการประเมินด้านความน่าเชื่อถือของนักประเมินและด้านประสิทธิผลของการประเมิน
3. โมเดลคุณค่าหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โรงเรียนเทศบาล 4 เจริญอุปถัมภ์ปัญญาธร สามารถอธิบายระดับคุณค่าหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้ร้อยละ 91 (R2 =0.91) และพบว่า คุณค่าหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้รับอิทธิพลทางตรงจากองค์ประกอบด้านความตรงของการประเมินด้านอรรถประโยชน์ด้านจริยธรรมในการประเมินด้านความน่าเชื่อถือของนักประเมิน และด้านประสิทธิผลของการประเมินอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
ABSTRACT
This mixed methodology research was designed to study the meta evaluation of the Eco School Curriculum of Jaroen Ebpatum Punyathon Municipal 4 School in 2015 academic year (B.E.2558) which the research purposes were 1) to investigate the meta evaluation of the Eco School Curriculum, 2) to evaluate the value of the Eco School Curriculum, and 3) to develop a model of Jaroen Ebpatum Punyathon Municipal 4 Schools Eco School Curriculum by implementing the structural equation model. The qualitative approach was implemented in the first phase of the research conduct. The 30 key informants comprised of 10 teachers and educational personnel who were involved with the Eco School Curriculum, 10 students and 10 parents. The purposive sampling technique was applied for teachers and educational personnel while the snowball technique was applied for the students and parents. The research instruments were in depth interview and the participatory and non-participatory observation. The earned data were analyzed by content analysis and ATLAS.ti program. The second phase of the research was the quantitative approach which the systematic sampling was applied for 320 students and parents. The research instrument was an interview which the earned data were analyzed by descriptive statistics and the analysis of the structural equation model by LISREL program.
The research findings were summarized as follows :
1. The meta evaluation result of the Eco School Curriculum of Jaroen Ebpatum Punyathon Municipal 4 School in 2016 academic year was clearly found that the teachers and educational personnel who are involved with the Eco School Curriculum, students and parents have the same opinion that the Eco School Curriculum was the appropriate operation The most important factor of the evaluation was the cost-effectiveness then followed by the utility, validity, ethicality and credibility respectively.
2. The value of the Eco School Curriculum was obviously found in overall aspect at a high level (61.37%). The highest aspect was the validity then followed by the utility, ethicality, credibility and cost-effectiveness respectively which all were found at a high level. The significant factors for the value of the Eco School Curriculum were the validity, utility, ethicality, credibility and cost-effectiveness of the evaluation.
3. The value of the Eco School Curriculum model of Jaroen Ebpatum Punyathon Municipal 4 School could present the level of the value 91 percent (R2 =0.91). Besides, it was evidently found that direct effects influenced directly to the value of the Eco School Curriculum were the validity, utility, ethicality, credibility and cost-effectiveness of the evaluation with the statistical significance at .01 level.