ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน โดยใช้กิจกรรมเกมแสนสนุก กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้วิจัย บุญจิตร จันทร์วิน
สถานศึกษา โรงเรียนบ้านนา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2
ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
รายงานการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน โดยใช้กิจกรรมเกมแสนสนุก กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน โดยใช้กิจกรรมเกมแสนสนุก กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังใช้แบบฝึกเสริมทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน โดยใช้กิจกรรมเกมแสนสนุก กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เพื่อศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน โดยใช้กิจกรรมเกมแสนสนุก กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน โดยใช้กิจกรรมเกมแสนสนุก กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยนำไปทดลองกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านนาสังกัดศูนย์เครือข่ายการศึกษาที่ 7 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 ซึ่งกำลังเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 จำนวน 10 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว ขั้นพื้นฐาน จำนวน 18 แผน แบบฝึกเสริมทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน จำนวน 4 เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 20 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะ จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกเสริมทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน โดยใช้กิจกรรมเกมแสนสนุก กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 4 เล่ม มีประสิทธิภาพโดยเฉลี่ย 81.50/84.75 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 ทุกเล่ม โดยเล่มที่ 1 เกมแบบผลัด มีประสิทธิภาพ 83.00/86.00 เล่มที่ 2 เกมนำไปสู่กีฬา มีประสิทธิภาพ 81.00/84.00 เล่มที่ 3 เกมพื้นบ้าน มีประสิทธิภาพ 82.00/85.00 และเล่มที่ 4 เกมหรรษา มีประสิทธิภาพ 80.00/84.00
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังใช้แบบฝึกเสริมทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน โดยใช้กิจกรรมเกมแสนสนุก กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนใช้แบบฝึกเสริมทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน โดยใช้กิจกรรมเกมแสนสนุก กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน โดยใช้กิจกรรมเกมแสนสนุก กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.7742 หมายความว่า นักเรียนมีความรู้เพิ่มมากขึ้น 0.7742 หรือคิดเป็นร้อยละ 77.42
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน โดยใช้กิจกรรมเกมแสนสนุก กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนเฉลี่ยรวม (X- ) เท่ากับ 4.48 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.59 เมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์การพิจารณาระดับความพึงพอใจ พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อแบบฝึกเสริมทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน โดยใช้กิจกรรมเกมแสนสนุก กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ พลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมาก