|
|
บทคัดย่อ
การรายงานครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาสุขศึกษา พ23101 เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาสุขศึกษา พ23101 เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาสุขศึกษา พ23101 เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนจากการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาสุขศึกษา พ23101 เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรม การเรียนรู้รายวิชาสุขศึกษา พ23101 เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ประชากรที่ใช้ในการรายงาน คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนเทศบาลจันทบุรี๒ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD 2) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาสุขศึกษา พ23101 เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 3 ) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.80 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดัชนีประสิทธิผล
ผลการรายงานปรากฏ ดังนี้
1. ประสิทธิภาพของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาสุขศึกษา พ23101 เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาลจันทบุรี๒ เท่ากับ 84.58/ 88.56 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาสุขศึกษา พ23101 เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ชั้นมัธยม
ศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีค่าเท่ากับ 0.6230 แสดงว่านักเรียน มีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ เพราะมีคะแนนเพิ่มขึ้นร้อยละ 62.30
3. คะแนนประเมินผลหลังการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาสุขศึกษา พ23101 เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 มีความแตกต่างกับคะแนนประเมินผลก่อนการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาสุขศึกษา พ23101 เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นั่นคือ การจัดการเรียนการสอน รายวิชา พ23101 สุขศึกษา เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ที่มีการนำชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาสุขศึกษา มาประกอบการจัดการเรียนรู้ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียนรายวิชาสุขศึกษา พ23101 เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาสุขศึกษา พ23101 เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ในระดับพึงพอใจมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.52 ที่การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอน แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา พ23101 เรื่อง โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนในรายวิชาสุขศึกษา พ23101 สูงขึ้น
|
โพสต์โดย หน่อย : [17 ส.ค. 2560 เวลา 19:29 น.] อ่าน [5188] ไอพี : 27.55.23.32
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 208,453 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,304 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,266 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,146 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,328 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,520 ครั้ง
| เปิดอ่าน 330,003 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,214 ครั้ง
| เปิดอ่าน 108,591 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,348 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,351 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,734 ครั้ง
| เปิดอ่าน 32,267 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,194 ครั้ง
| เปิดอ่าน 3,615 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 20,355 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,688 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,308 ครั้ง
| เปิดอ่าน 242,771 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,880 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|