|
|
เรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21 ตามทฤษฎีการสร้างความรู้
ด้วยตนเองโดยใช้โครงงานเป็นฐาน เรื่อง งานประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้
ชื่อ นางอุไร รุ่งเหมือนฟ้า
ปีที่ทำการพัฒนา 2559
บทคัดย่อ
การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21 ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เรื่อง งานประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานประดิษฐ์) โรงเรียนเทศบาล ๓ วัดอัมพวันเจติยาราม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้โครงงาน เป็นฐาน เรื่อง การประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลจากการจัดกิจกรรมตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เรื่อง การประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากแบบทดสอบก่อนและ หลังเรียนเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยตนเองโดยใช้โครงงานเป็นฐาน เรื่อง การประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้ประชากรคือนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 2 ห้อง รวมประชากรทั้งสิ้น 58 คนกลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 1 ห้องเรียน โดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) จำนวน 28 คน เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21 ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เรื่อง การประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานประดิษฐ์)ประกอบด้วยแผนการจัดกิจกรรมตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เรื่อง การประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้ 4 หน่วยการเรียนรู้ จำนวน 8 แผน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานประดิษฐ์)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เรื่อง การประดิษฐ์ วัสดุเหลือใช้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อแบบสอบถามความพึงพอใจ ของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เรื่อง การประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าประสิทธิภาพ E1/E2 ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าร้อยละ ค่า ที (t-test for Dependent) และหาค่าดัชนีประสิทธิผล E.I นำมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์พร้อมเสนอเป็นตารางและความเรียง
สรุปผล
1. การหาประสิทธิภาพของแผนการเรียนรู้ด้วยตนเองโดยใช้โครงงานเป็นฐาน เรื่อง การประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 กลุ่มสาระ การเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานประดิษฐ์) โรงเรียนเทศบาล ๓ วัดอัมพวันเจติยาราม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามพบว่าประสิทธิภาพของกระบวนการและประสิทธิภาพของผลลัพธ์มีค่า E1/E2 = 95.00/88.75 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ดัชนีประประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เรื่อง การประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้ จากแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานประดิษฐ์) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนเทศบาล ๓ วัดอัมพวันเจติยาราม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม พบว่ามีค่า E.I. เท่ากับ 0.7476
3. ผลความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองโดยใช้โครงงาน เป็นฐาน เรื่อง การประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานประดิษฐ์) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนเทศบาล ๓ วัดอัมพวันเจติยาราม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม โดยพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านโครงงานมีระดับความพึงพอใจ มากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.93 รองลงมาคือ ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองมีระดับความพึงพอใจ มากที่สุด เฉลี่ยเท่ากับ 4.55 และด้านสื่อการเรียน การสอนมีระดับความพึงพอใจ มาก เฉลี่ยเท่ากับ 4.41
|
โพสต์โดย ครูอุไร : [27 ก.ค. 2560 เวลา 19:46 น.] อ่าน [5926] ไอพี : 171.5.244.160
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 14,430 ครั้ง
| เปิดอ่าน 41,266 ครั้ง
| เปิดอ่าน 400,775 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,692 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,282 ครั้ง
| เปิดอ่าน 30,782 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,315 ครั้ง
| เปิดอ่าน 4,431 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,556 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,676 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,493 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,662 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,554 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,458 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,597 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 14,166 ครั้ง
| เปิดอ่าน 73,905 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,405 ครั้ง
| เปิดอ่าน 7,333 ครั้ง
| เปิดอ่าน 92,356 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|