ชื่อเรื่อง การประเมินโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านเนินสูง
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล ปีการศึกษา 2559
ผู้รายงาน นายธนิตย์ กุลโรจนสิริ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเนินสูง
ปีที่รายงาน ปีการศึกษา 2559
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
รายงานการประเมินโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียน
บ้านเนินสูง ปีการศึกษา 2559 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ประเมินบริบทหรือสภาพแวดล้อมของโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านเนินสูง ปีการศึกษา 2559 2) ประเมินปัจจัยนำเข้าของโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านเนินสูง ปีการศึกษา 2559 3) ประเมินกระบวนการของโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านเนินสูง ปีการศึกษา 2559 4) ประเมินผลผลิตของโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านเนินสูง ปีการศึกษา 2559 เกี่ยวกับ (4.1) ระดับการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และ(4.2) ความ พึงพอใจที่มีต่อการดำเนินโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) มาใช้ประเมินโดยวิธีการใช้แบบสอบถามที่ผู้รายงานสร้างขึ้น
กลุ่มประชากรที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ ประกอบด้วยกลุ่มประชากรครูผู้สอน ซึ่งเป็นครูผู้สอนในโรงเรียนบ้านเนินสูง ปีการศึกษา 2559 จำนวน 6 คน กลุ่มผู้ปกครอง เป็นผู้ปกครองของนักเรียนทั้งหมด โรงเรียนบ้านเนินสูง ปีการศึกษา 2559 จำนวน 22 คน กลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน ซึ่งยกเว้นผู้บริหารและตัวแทนครู และกลุ่มนักเรียน ใช้นักเรียนตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านเนินสูง ปีการศึกษา 2559 จำนวน 30 คน
เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วยแบบสอบถามที่มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ และมีข้อคำถามปลายเปิด จำนวน 5 ฉบับ ทุกฉบับผ่านการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ โดยมีค่าความเชื่อมั่นทุกฉบับอยู่ระหว่าง 0.881 0.905 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการประเมินพบว่า
1. ผลการประเมินด้านสภาพแวดล้อมของโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านเนินสูง จังหวัดสตูล ปีการศึกษา 2559 ตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและครู โดยภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.65,  = .65) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทุกด้านมีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด
2. ผลการประเมินด้านปัจจัยนำเข้าโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านเนินสูง จังหวัดสตูล ปีการศึกษา 2559 ตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานและครู โดยภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด (  = 4.68,  = .61) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทุกด้านมีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด
3. ผลการประเมินด้านกระบวนการโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านเนินสูง จังหวัดสตูล ปีการศึกษา 2559 ตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานและครู โดยภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.66,  = .63 ) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าทุกด้านมีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด
4. ผลการประเมินด้านผลผลิต จำแนกเป็น
4.1 ระดับคุณภาพการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้าน
เนินสูง จังหวัดสตูล ปีการศึกษา 2559 ตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และครู โดยภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.66,  = .63) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ส่วนใหญ่มีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด
4.2 ผลการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการดำเนินโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านเนินสูง จังหวัดสตูล ปีการศึกษา 2559 ตามความพึงพอใจของผู้ปกครองและนักเรียน โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.69,  = .56)
สรุปผลการประเมินโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านเนินสูง โดยใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) ผลการประเมินโดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ย สูงกว่าเกณฑ์ และประเด็นการประเมินสูงกว่าเกณฑ์ทุกรายการ โดยผู้เกี่ยวข้องมีความเห็นว่าโครงการนี้ควรดำเนินการต่อไปและโครงการนี้ทำให้นักเรียนได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง เกิดประโยชน์กับนักเรียนอย่างแท้จริง
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้
1. ควรมีการขับเคลื่อนระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้เป็นระบบและต่อเนื่อง เพราะเป็นโครงการที่มีความสอดคล้องกับนโยบายในระดับต่าง ๆ
2. ควรนำรูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) ไปประยุกต์ใช้ในการประเมินโครงการอื่น ๆ ของโรงเรียน เพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมของโครงการ ปัจจัยนำเข้าของโครงการ กระบวนการดำเนินงานโครงการและผลผลิตของโครงการ โดยประเมิน 3 ระยะ ได้แก่ ก่อนดำเนินโครงการ ระหว่างดำเนินโครงการ และสิ้นสุดโครงการ เพื่อนำสารสนเทศที่ได้ไปใช้ในการวางแผนแก้ปัญหา หรือพัฒนาโครงการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดต่อผู้เรียน
3. ควรมีการดำเนินงานโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ความต้องการของชุมชน และสถานศึกษาเป็นสำคัญ
4. การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้ประสบความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญและต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง
5. ควรประสานงานการจัดกิจกรรมกับกลุ่มบริหารวิชาการ เพื่อการวางแผน หรือกำหนดเวลาการจัดกิจกรรมให้เป็นไปตามปฏิทินและนิเทศการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง