การพัฒนาชุดการสอน เรื่อง อยู่ดีมีสุข กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบวิธีการสอนแบบโครงงาน ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อพัฒนาชุดการสอน เรื่อง อยู่ดีมีสุข กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบวิธีการสอนแบบโครงงาน ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอน เรื่อง อยู่ดีมีสุข กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบวิธีการสอนแบบโครงงาน 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดการสอน เรื่อง อยู่ดีมีสุข กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบวิธีการสอนแบบโครงงาน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี โดยใช้ชุดการสอน เรื่อง อยู่ดีมีสุข กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/7 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนหนองบัวพิทยาคาร อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 จำนวนนักเรียน 47 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Cluster randandom Sampling) ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 เครื่องมือที่ผู้รายงานใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ 1) ชุดการสอน เรื่อง อยู่ดีมีสุข
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบวิธีการสอนแบบโครงงาน จำนวน 7 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอน เรื่อง อยู่ดีมีสุข กลุ่มสาระ
การเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบวิธีการสอนแบบโครงงาน
จำนวน 14 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ
4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย ตั้งแต่ .20 ถึง .65 และค่าอำนาจจำแนก ตั้งแต่ .20 ถึง .65 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ .88 4) แบบสอบถามความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ชุดการสอน เรื่อง อยู่ดีมีสุข กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบวิธีการสอนแบบโครงงาน จำนวน 12 ข้อ และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และทดสอบสมมติฐานโดยใช้การทดสอบที (t-test) กำหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .01
ผลการวิจัยพบว่า
1. ชุดการสอน เรื่อง อยู่ดีมีสุข กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบวิธีการสอนแบบโครงงาน เท่ากับ 84.05/84.53
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดการสอน เรื่อง อยู่ดีมีสุข กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบวิธีการสอนแบบโครงงาน มีค่าเท่ากับ 0.7497 ซึ่งหมายความว่าชุดการสอน เรื่อง อยู่ดีมีสุข กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบวิธีการสอนแบบโครงงาน ชุดนี้ ทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น
คิดเป็นร้อยละ 74.97
3. การเปรียบเทียบคะแนนจากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและ หลังเรียนด้วยชุดการสอน เรื่อง อยู่ดีมีสุข กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบวิธีการสอนแบบโครงงาน พบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงขึ้นจากก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอน เรื่อง อยู่ดีมีสุข กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบวิธีการสอนแบบโครงงาน โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.61 อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด