ครูบ้านนอก

ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลักภาษาไทย โดยใช้แบบฝึกหลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD

ผู้ศึกษา นายนนธยา หาญมานพ

ปีที่ทำการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558

บทคัดย่อ

รายงานการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลักภาษาไทย โดยใช้แบบฝึกหลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้แบบฝึกหลักภาษาไทย โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนและหลังการเรียน โดยใช้แบบฝึกหลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกหลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนสนมวิทยาคาร อำเภอสนม จังหวัดสุรินทร์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 ในภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2558 จำนวน 41 คน ซึ่งไดมาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) การจัดห้องเรียนเป็นแบบคละกัน เก่ง ปานกลาง อ่อน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบฝึกหลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD จำนวน 7 ชุด รวม 16 ชั่วโมง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกหลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เป็นแบบทดสอบแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .20 ถึง 0.94 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.75 แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนแยกเป็นรายแบบฝึก จำนวนแบบฝึกละ 10 ข้อ และแบบสอบถามความคิดเห็น จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้คือค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดรรชนีประสิทธิผล และค่า t–test

ผลการศึกษาพบว่า แบบฝึกหลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD มีค่าประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ (E1/E2 = 89.87 / 89.51) ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ และเมื่อพิจารณาโดยแยกเป็นรายแบบฝึก พบว่าแบบฝึกหลักภาษาไทยมีค่าประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ E1/E2 = 80/80 ทุกชุด ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียนด้วยแบบฝึกหลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีค่า t เท่ากับ 34.99 และเมื่อแยกเป็นรายแบบฝึก พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทุกชุด และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกหลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD โดยภาพรวมความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( = 4.31)

การศึกษาครั้งนี้ทำให้ได้แบบฝึกหลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD ที่มีประสิทธิภาพ สามารถนำไปใช้พัฒนาผู้เรียนให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องหลักภาษาไทยที่สูงขึ้น นักเรียนมีความสุขในการเรียนรู้และการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นที่จะเรียน เป็นแนวทางให้ครูผู้สอนวิชาภาษาไทยนำไปประยุกต์ใช้ในเนื้อหาเรื่องอื่นๆ ต่อไป

เว็บน่าสนใจ