ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL :
Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นายนิรุตต์ แสวงนาม
ปีการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559
สถานศึกษา โรงเรียนบ้านสามเส้า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4
บทคัดย่อ
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL : Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อพัฒนาการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL : Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL : Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL : Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL : Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 21 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบ้านสามเส้า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Selected) โดยใช้นักเรียนทั้งหมดในการทดลอง รูปแบบการวิจัยเป็นรูปแบบการวิจัยแบบทำการทดสอบก่อนและหลังการทดลอง (One Group Pretest - Posttest Design) ระยะเวลาในการทดลอง คือ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL : Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ง23102 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) ชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL : Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ง23102 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ที่มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.27 - 0.78 และค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.21 - 0.88 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.83 2) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL : Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน เป็นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.25 0.78 มีค่าความเชื่อมั่น ทั้งฉบับเท่ากับ 0.87 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานโดยใช้ สถิติ Nonparametric แบบ Wilcoxon Matched-Pairs Signed-Ranks Test
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. ชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL : Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพ 84.52/83.10 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL : Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.61 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนร้อยละ 61
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL : Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีผลต่อการเรียนด้วยชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL : Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.41, S.D. = 0.64) ด้านที่มีความพึงพอใจมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ ด้านที่ 4 เนื้อหาของชุดฝึกปฏิบัติ สามารถนำไปเป็นพื้นฐานในระดับที่สูงขึ้นได้ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.63, S.D. = 0.63) รองลงมาคือ ด้านที่ 2 การเรียนด้วยชุดฝึกปฏิบัติทำให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.59, S.D. = 0.50) รองลงมาคือ ด้านที่ 3 ชุดฝึกปฏิบัติ ทำให้เกิดทักษะในการปฏิบัติกิจกรรม อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.56, S.D. = 0.58) และด้านที่มีความพึงพอใจน้อยที่สุดคือ ด้านที่ 8 กิจกรรมในชุดฝึกปฏิบัติเหมาะสมกับเวลา อยู่ในระดับมาก ( = 4.11, S.D. = 0.75)
สรุปผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL : Problem Base Learning เรื่องการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญและเป็นประโยชน์กับนักเรียน ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทำให้การจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียน ดังนั้นควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูสาระการเรียนรู้อื่น ๆ หรือระดับชั้นอื่น ๆ นำชุดฝึกปฏิบัติโดยใช้เทคนิคแบบ PBL ไปเป็นนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ เจตคติ และสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ตามเจตนารมณ์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ต่อไป