ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของ Polya เ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของ Polya เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 3 ให้มีจำนวนนักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของนักเรียนทั้งหมด มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 75 ขึ้นไป และ 3) ศึกษาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของ Polya เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองกอยสิทธิราษฎร์บำรุง ตำบลแดงใหญ่ อำเภอเมืองขอนแก่น สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 12 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) การวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research) มีวงจรปฏิบัติการ 3 วงจร เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของ Polya เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หาร จำนวน 18 แผน 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติ ได้แก่ แบบสังเกตพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน แบบบันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบท้ายวงจร 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบปรนัยจำนวน 20 ข้อ และแบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ซึ่งเป็นแบบอัตนัย จำนวน 2 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และสรุปความเรียง

ผลการวิจัยพบว่า

1. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของ Polya เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4 ขั้น ได้แก่ 1) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับผู้เรียนโดยครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ ทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน กระตุ้นให้นักเรียนอยากเรียนรู้เนื้อหาใหม่ 2) ขั้นสอน มี 3 ขั้นตอนย่อย ได้แก่ 2.1) ขั้นเผชิญสถานการณ์ปัญหาและแก้ปัญหาเป็นรายบุคคล เป็นขั้นที่นักเรียนแต่ละคนปฏิบัติกิจกรรมแก้ปัญหาในใบงานรายบุคคลโดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของ Polya 4 ขั้นตอน ดังนี้ (1) ขั้นทำความเข้าใจปัญหา เป็นขั้นที่นักเรียนแต่ละคนอ่านทำความเข้าใจปัญหา พิจารณาแยกแยะสิ่งที่โจทย์กำหนดให้และสิ่งที่โจทย์ถาม เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผนแก้ปัญหา (2) ขั้นวางแผนแก้ปัญหา เป็นขั้นที่นักเรียนบอกยุทธวิธี แนวคิดหรือขั้นตอนการหาคำตอบของปัญหา (3) ขั้นดำเนินการตามแผน เป็นขั้นที่นักเรียนแสดงวิธีการหาคำตอบตามขั้นตอนที่ได้วางแผนไว้ในขั้นวางแผนแก้ปัญหา โดยใช้ข้อมูลในขั้นทำความเข้าใจปัญหา (4) ขั้นมองย้อนกลับ เป็นขั้นที่นักเรียนตรวจสอบคำตอบว่าถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่ โดยเขียนแสดงวิธีการตรวจสอบคำตอบรวมทั้งประเมินความสมเหตุสมผลของคำตอบที่ได้ และสรุปคำตอบ 2.2) ขั้นระดมสมองระดับกลุ่มย่อย เป็นขั้นที่นักเรียนรวมกลุ่ม นำเสนอวิธีการแก้ปัญหาของตนเอง ร่วมกันอภิปราย พิจารณาคัดเลือกแนวทางที่ดีที่สุด จากนั้นจึงสรุปเป็นแนวคิดของกลุ่มและบันทึกลงในใบงานกลุ่ม โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของ Polya 4 ขั้นตอน 2.3) ขั้นไตร่ตรองระดับกลุ่มใหญ่ เป็นขั้นที่นักเรียนแต่ละกลุ่ม ส่งตัวแทนออกมานำเสนอวิธีการแก้ปัญหาตามกระบวนการแก้ปัญหาของ Polya หน้าชั้นเรียน เพื่อนในห้องช่วยกันอภิปราย ซักถาม แสดงความคิดเห็น ตรวจสอบความถูกต้องและความสมเหตุสมผล ครูคอยกระตุ้นด้วยคำถาม อภิปรายแนวคิดในการหาคำตอบแต่ละแนวคิด ครูนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาอื่นนอกเหนือจากวิธีการแก้ปัญหาของนักเรียน รวบรวมแนวทางและวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องที่สมาชิกในชั้นเรียนยอมรับ แล้วร่วมกันสรุปแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อนำไปใช้แก้ปัญหา 3) ขั้นสรุป เป็นขั้นที่นักเรียนทั้งชั้นร่วมกันอภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันเกี่ยวกับสิ่งที่ได้จากการทำกิจกรรมหลังจากที่ตัวแทนกลุ่มนำเสนอเสร็จแล้ว เพื่อสรุปเป็นองค์ความรู้ที่ได้อย่างเป็นระบบและชัดเจน โดยครูช่วยเสริมแนวคิด หลักการให้ชัดเจนยิ่งขึ้น 4) ขั้นฝึกทักษะ เป็นขั้นที่นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ครูสร้างขึ้น เป็นสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับสถานการณ์เดิมหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยร้อยละ 79.17 และมีจำนวนนักเรียนร้อยละ 83.33 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมดมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 75 ขึ้นไป

3. นักเรียนมีคะแนนความสามารถในการแก้ปัญหาเฉลี่ยร้อยละ 84.58 โดยมีคะแนนในขั้นทำความเข้าใจปัญหา ขั้นวางแผนแก้ปัญหา ขั้นดำเนินการตามแผน และขั้นมองย้อนกลับ เฉลี่ยร้อยละ 89.58, 83.33, 85.42 และ 79.17 ตามลำดับ

โพสต์โดย ครูไก่ : [23 มิ.ย. 2560 เวลา 21:08 น.]
อ่าน [66698] ไอพี : 223.206.130.13
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 13,315 ครั้ง
รู้ทันแก๊งบัตรเครดิต ขโมยง่ายกว่า ATM
รู้ทันแก๊งบัตรเครดิต ขโมยง่ายกว่า ATM

เปิดอ่าน 37,589 ครั้ง
อะไรที่กินคลายเครียดได้จริงบ้าง
อะไรที่กินคลายเครียดได้จริงบ้าง

เปิดอ่าน 18,485 ครั้ง
"ครูโซ่" คือใคร ใครคือ "ครูโซ่" มาดูลีลาสอนวิชา "คณิตศาสตร์" สุดจี๊ด ท
"ครูโซ่" คือใคร ใครคือ "ครูโซ่" มาดูลีลาสอนวิชา "คณิตศาสตร์" สุดจี๊ด ท

เปิดอ่าน 35,928 ครั้ง
ลักษณะของการวิจัยปฏิบัติการ
ลักษณะของการวิจัยปฏิบัติการ

เปิดอ่าน 44,470 ครั้ง
ประโยชน์ของการเลี้ยงสัตว์
ประโยชน์ของการเลี้ยงสัตว์

เปิดอ่าน 16,456 ครั้ง
กินผักผลไม้เหลืองๆ ป้องกันโรคมะเร็งได้
กินผักผลไม้เหลืองๆ ป้องกันโรคมะเร็งได้

เปิดอ่าน 2,455 ครั้ง
ความหวาน มีประโยชน์หรือโทษขึ้นอยู่กับปริมาณ
ความหวาน มีประโยชน์หรือโทษขึ้นอยู่กับปริมาณ

เปิดอ่าน 3,777 ครั้ง
ใช้ถุงพลาสติกผิดประเภท…เสี่ยงมะเร็ง
ใช้ถุงพลาสติกผิดประเภท…เสี่ยงมะเร็ง

เปิดอ่าน 53,670 ครั้ง
ข้าราชการ เกษียณแล้ว.....ได้อะไรบ้างนะ?
ข้าราชการ เกษียณแล้ว.....ได้อะไรบ้างนะ?

เปิดอ่าน 19,994 ครั้ง
แคว่ก ๆ! ที่ครอบปากสุนัขรูปปากเป็ด เก๋ ๆ น่าใช้
แคว่ก ๆ! ที่ครอบปากสุนัขรูปปากเป็ด เก๋ ๆ น่าใช้

เปิดอ่าน 50,613 ครั้ง
เรื่องของเลนส์
เรื่องของเลนส์

เปิดอ่าน 10,828 ครั้ง
โลกต้องให้ความสำคัญกับครู (จบ)
โลกต้องให้ความสำคัญกับครู (จบ)

เปิดอ่าน 12,685 ครั้ง
แชร์การแสดงสร้างสรรค์ "Cup song โรงเรียนบ้านต้นโชค"
แชร์การแสดงสร้างสรรค์ "Cup song โรงเรียนบ้านต้นโชค"

เปิดอ่าน 43,711 ครั้ง
คาร์ล เบนซ์ เป็นผู้ให้กำเนิดรถยนตร์คันแรกของโลก
คาร์ล เบนซ์ เป็นผู้ให้กำเนิดรถยนตร์คันแรกของโลก

เปิดอ่าน 2,008 ครั้ง
BLOCKCHAIN คืออะไร ?
BLOCKCHAIN คืออะไร ?

เปิดอ่าน 11,752 ครั้ง
รู้จัก โรคเอสแอลอี
รู้จัก โรคเอสแอลอี
เปิดอ่าน 133,823 ครั้ง
เล่นฮูลาฮูป ลดน้ำหนักได้จริงหรือ?
เล่นฮูลาฮูป ลดน้ำหนักได้จริงหรือ?
เปิดอ่าน 11,774 ครั้ง
ชมหรือยัง? สถานการณ์ การศึกษาไทย 2557 (The State of Thai Education 2014)
ชมหรือยัง? สถานการณ์ การศึกษาไทย 2557 (The State of Thai Education 2014)
เปิดอ่าน 43,588 ครั้ง
วิธีตั้งชื่อมิให้เป็นกาลกิณี
วิธีตั้งชื่อมิให้เป็นกาลกิณี
เปิดอ่าน 11,640 ครั้ง
คลิปโจรสะเหล่อ ปล้นเขาแต่ดันโดนเอาคืนแบบสะใจคนดู (หัวเราะกันหนักมาก)
คลิปโจรสะเหล่อ ปล้นเขาแต่ดันโดนเอาคืนแบบสะใจคนดู (หัวเราะกันหนักมาก)

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ