ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษ ของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านบือเล็ง
ผู้ศึกษา นางพาอียะ กะละ
ปีที่ศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะ การอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด คือ 75/75 2) ศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษ ชั้นประถมประถมศึกษาปีที่ 3 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างหลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบ้าน บือเล็ง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 1 จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ครั้งนี้ประกอบด้วย 1) แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษ จำนวน 10 เล่ม 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจำนวน 30 ข้อ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษ จำนวน 15 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สูตร E1/E2 , สูตร E.I. การทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว (One Sample t-test ) ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 77.20/79.50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.6535 หมายความว่า นักเรียนมีคะแนนเพิ่มขึ้นร้อยละ 65.35
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษโดยรวมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.21)