ผู้วิจัย นางทิพมอญ มณีวงษ์
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบึงบูรพ์
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28
หน่วยงาน โรงเรียนบึงบูรพ์ ปีที่พิมพ์ 2558
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักรเรียนรู้ 4MAT ที่ส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เรื่อง พันธุกรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อประเมินผลของรูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้น(2.1) เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในเชิงทฤษฏีของรูปแบบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (2.2) เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติการของรูปแบบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (2.2.1) หาประสิทธิภาพของรูปแบบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น (2.2.2) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักรเรียนรู้ 4MAT ที่ส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เรื่อง พันธุกรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (2.2.3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน(2.2.4) เปรียบเทียบคะแนนความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน (2.2.5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักรเรียนรู้ 4MAT ที่ส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เรื่อง พันธุกรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 7 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบึงบูรพ์ อำเภอบึงบูรพ์ จังหวัดศรีสะเกษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 28 จำนวน 2 ห้องเรียน จำนวน 64 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) จำนวน 32 คน โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์ 2) แผนการจัดการเรียนรู้ ตามรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 4 MAT ที่ส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เรื่อง พันธุกรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พันธุกรรม ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยากรายข้อ (P) ค่าความยาก (P) ระหว่าง 0.30 0.73 และค่าอำนาจจำแนก (B) ระหว่าง 0.35 0.67 และ มีค่าความเชื่อมั่น (rcc)
ทั้งฉบับเท่ากับ 0.82 4) แบบทดสอบวัดความสามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 60 ข้อ มีค่าความยากรายข้อ (P) ระหว่าง 0.33 0.59 และค่าอำนาจจำแนก (B) ระหว่าง 0.47 0.67 และ มีค่าความเชื่อมั่น (rcc) ทั้งฉบับเท่ากับ 0.84 และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักรเรียนรู้ 4MAT โดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.62 0.84 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.95 ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed-method Methodology) ประกอบกับการดำเนินงานโดยใช้แบบแผนการวิจัยและพัฒนา (R&D : Research and Development) 4 ขั้นตอนคือ ขั้นตอนที่ 1 สร้างและพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยการสังเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ ขั้นตอนที่ 2 ประเมินรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญและทดลองใช้ในสถานการณ์จริง ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบเป็นการทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อหาประสิทธิภาพเชิงประจักษ์ของรูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้น ขั้นตอนที่ 4 การประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบ เป็นการตรวจสอบความเป็นไปได้จากการนำรูปแบบไปใช้ก่อนการจัดทำการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ฉบับสมบูรณ์ หาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนตามเกณฑ์ 75/75 หาค่าดัชนีประสิทธิผลของรูปแบการสอน เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความสามารถกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ และ t-test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักรเรียนรู้ 4MAT ที่ส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เรื่อง พันธุกรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มี 5 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2) จุดประสงค์ 3) สาระและเนื้อหา 4) กิจกรรมและขั้นตอนการสอนตามแนวรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักรเรียนรู้ 4MAT ที่ส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ดังนี้ ขั้นสร้างประสบการณ์ (สมองซีกขวา) ขั้นไตร่ตรองประสบการณ์ (สมองซีกซ้าย) ขั้นปรับประสบการณ์เป็นความคิดรวบยอด (สมองซีกขวา) ขั้นพัฒนาความคิดด้วยข้อมูล (สมองซีกซ้าย) ขั้นทำตามแนวคิดที่กำหนดไว้ (สมองซีกซ้าย) ขั้นสร้างชิ้นงานตามความถนัดและความสนใจ (สมองซีกขวา) ขั้นวิเคราะห์ผลและประยุกต์ใช้ (สมองซีกซ้าย) และขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดกับผู้อื่น (สมองซีกขวา)
2. รูปแบบการสอนเชิงทฤษฏี มีความเหมาะสมและความสอดคล้องขององค์ประกอบ อยู่ในระดับมาก และแผนการเรียนรู้ที่พัฒนาตามรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด
3. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักรเรียนรู้ 4MAT ที่ส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เรื่อง พันธุกรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 76.77/75.94 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้
4. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักรเรียนรู้ 4MAT ที่ส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เรื่อง พันธุกรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่วิเคราะห์จากคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีมีค่าเท่ากับ 0.6338 แสดงว่า นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 4 MAT มีความก้าวหน้าทางการเรียนรู้ ร้อยละ 63.38
5. นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบวัฏจักรเรียนรู้ 4MAT ที่ส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เรื่อง พันธุกรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ความสามารถการคิดวิเคราะห์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
6. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักรเรียนรู้ 4MAT ที่ส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เรื่อง พันธุกรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบวัฏจักรเรียนรู้ 4MAT ที่ส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณมีค่าเฉลี่ยรวมทุกด้านเท่ากับ 4.58 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.50 ระดับความพึงพอใจ มากที่สุด