ชื่อเรื่อง รายงานการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 ว 23101 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี ปีการศึกษา 2559
ชื่อผู้ศึกษา นายทศพล สุวรรณราช
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
รายงานการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 ว 23101 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี ปีการศึกษา 2559 นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ให้มีประสิทธิภาพ (E1/E2) ตามเกณฑ์ 80/80 2) พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเปรียบเทียบก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี ที่กำลังเรียนอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 ที่ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 3 ห้องเรียน รวม 150 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มีประสิทธิภาพ E1/E2 เป็น 80.15/80.05 2) แผนการจัดการเรียนรู้ ที่มีความเที่ยงตรงตามเนื้อหาวิชาวิทยาศาสตร์ 5 ว 23101 ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงวุฒิด้านการสอนวิทยาศาสตร์ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ที่มีความเที่ยงตรงตามเนื้อหา ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงวุฒิด้านการสอนวิทยาศาสตร์ ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ ซึ่งคำนวณโดยใช้สูตร KR-20 ของ คูเดอร์ ริชาร์ดสัน (Kuder Richardson) มีค่า .9020 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มีความเที่ยงตรงตามเนื้อหา และ มีค่าความเชื่อมั่น ซึ่งคำนวณโดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Cronbach) มีค่า .8654 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่า t (t-test Dependent Samples) ผู้ศึกษาสอนนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 เป็นเวลา 25 คาบ สัปดาห์ละ 3 คาบ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เมื่อสอนจบ ทดสอบนักเรียนด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนฉบับเดียวกับที่ใช้ทดสอบก่อนเรียน นำคะแนนที่ได้ก่อนและหลังเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มาทดสอบค่าที (t-test) แล้วให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ นำผลที่ได้มาหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 คือมีประสิทธิภาพเฉลี่ยรวมเท่ากับ 80.15/80.05
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สูงกว่าก่อนการใช้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น โดยรวมอยู่ในระดับดีมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.58