บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ ๑) เพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทยเรื่อง มาตราตัวสะกดที่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓โ รงเรียนสามัคคีวิทยา ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐ ๒) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกดที่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนสามัคคีวิทยา และ ๓) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกดที่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนสามัคคีวิทยา ประชากรที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนสามัคคีวิทยา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต ๑ ในภาคเรียนที่ ๒ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๘ จำนวน ๖ คน ที่ผู้รายงานเป็นครูประจำชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย ๑) แบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทยเรื่องมาตราตัวสะกดที่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ จำนวน ๘ เล่ม ๒)แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องมาตราตัวสะกดที่ตรงมาตรากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ จำนวน ๑๘ แผน ๓) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องมาตราตัวสะกดที่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ก่อนเรียนและหลังเรียน จำนวน ๓๐ ข้อ และ ๔) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบดฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกดที่ตรงมาตราจำนวน ๑๐ ข้อ วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าสถิติ คือ ค่าเฉลี่ย และค่าร้อยละ
ผลการศึกษาพบว่า
๑) ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) มีค่าเท่ากับ ๘๔.๐๒ และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) มีค่าเท่ากับ ๘๓.๐๓ ดังนั้น ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทยเรื่องมาตราตัวสะกดที่ตรงมาตรากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนสามัคคีวิทยาค่าเท่ากับ๘๔.๐๒/๘๓.๐๓
๒) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกดที่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนสามัคคีวิทยา ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๑๐.๒๗ คิดเป็นร้อยละ ๓๔.๒๔ ส่วนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๒๔.๙๑คิดเป็นร้อยละ ๘๓.๐๓ โดยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนเฉลี่ย ๑๔.๖๔ คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๘๐
๓) ระดับความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกดที่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนสามัคคีวิทยา เฉลี่ยโดยส่วนรวมอยู่ในระดับมากที่สุดโดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๒๘ คิดเป็นร้อยละ ๘๕.๖๔
ข้อเสนอแนะ
๑) ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ควรนำแบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกดที่ตรงมาตรากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ไปประยุกต์ใช้สำหรับเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกดที่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพราะจากผลการศึกษายืนยันได้ถึงความสำเร็จในการนำไปใช้แล้ว คือ การมีประสิทธิภาพเท่ากับ ๘๔.๐๒/๘๓.๐๓สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องมาตราตัวสะกดที่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ให้สูงขึ้นได้ และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
๒) จากการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนพบว่ารายการแบบฝึกและแบบทดสอบในแบบฝึกเสริมทักษะมีความเหมาะสมมีระดับความพึงพอใจต่ำสุด ซึ่งอาจอธิบายได้ว่า การออกแบบชุดฝึกและแบบทดสอบต่างๆในชุดฝึกอาจยังมีความไม่เหมาะสมบางประการจนส่งผลให้นักเรียนยังไม่พึงพอใจมากนัก ดังนั้น ครูผู้สอนหรือผู้ที่ต้องการนำผลการศึกษาไปใช้ควรให้ความสำคัญกับการออกแบบชุดฝึกและแบบทดสอบต่างๆให้มีความเหมาะสม สามารถดึงดูดความสนใจนักเรียนให้ทำงานได้อย่างมีความสุขและเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป