บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ ๑) เพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องการอ่าน จับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐ ๒) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างคะแนนสอบก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านนาโอน และ ๓) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้แบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านนาโอน ประชากรที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นประถม ศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านนาโอน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต ๑ ในภาคเรียนที่ ๒ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๘ จำนวน ๙ คน ที่ผู้รายงานเป็นครูประจำชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย ๑) แบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ จำนวน ๕ เล่ม ๒) แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ จำนวน ๑๘ แผน ๓) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ก่อนเรียนและหลังเรียน จำนวน ๒๐ ข้อ และ ๔) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ จำนวน ๑๖ ข้อ วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าสถิติคือ ค่าเฉลี่ย และค่าร้อยละ
ผลการศึกษาพบว่า
๑) ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) มีค่าเท่ากับ ๘๖.๐๕ และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) มีค่าเท่ากับ ๘๑.๖๖ ดังนั้น ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านนาโอน มีค่าเท่ากับ ๘๖.๐๕/๘๑.๖๖
๒) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านนาโอน ก่อนเรียน มีค่าเฉลี่ย ๗.๘๘ คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๔๔ ส่วนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน มีค่าเฉลี่ย ๑๖.๓๓ คิดเป็นร้อยละ ๘๑.๖๖โดยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน มีค่าเฉลี่ย ๘.๗๘ คิดเป็นร้อยละ ๔๒.๒๒
๓) ระดับความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านนาโอน เฉลี่ยโดยส่วนรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๗๗ คิดเป็นร้อยละ ๙๕.๔๐
ข้อเสนอแนะ
๑) ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ควรนำแบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ไปประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมเสริมทักษะภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความ เพราะได้ผลการศึกษายืนยันความสำเร็จในการนำ ไปใช้แล้วคือ การมีประสิทธิภาพเท่ากับ ๘๖.๐๕/๘๑.๖๖ สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ให้สูงขึ้นได้ และนักเรียนมีความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
๒) จากการประเมินความพึงพอใจของนักเรียน พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อประเด็นด้าน ครูมีการเตรียมการเรียนการสอน มีระดับความพึงพอใจต่ำที่สุด อาจอธิบายได้ว่า ในการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ของครูด้วยการใช้แบบฝึกเสริมทักษะครั้งนี้ ครูอาจจะยังมีการเตรียมการเรียนการสอนที่ไม่ทั่วถึง ดังนั้น ครูผู้สอนต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมการเรียนการสอน เพื่อให้การเรียนรู้ของนักเรียนเป็นไปได้อย่างเต็มศักยภาพของแต่ละบุคคลและให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป