ชื่อเรื่อง การพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 1 : ทัศนศิลป์ ชุดพื้นฐานงานศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ผู้ศึกษา รัศมี อวนป้อง
ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1. พัฒนาเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการ
เรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 1 ทัศนศิลป์ ชุดพื้นฐานงานศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80, 2. เปรียบเทียบผลการเรียนก่อนและหลังการจัดกิจกรรมกาเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 1 ทัศนศิลป์ ชุดพื้นฐานงานศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และ 3. ศึกษาความพึงพอใจ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบ้านบะป่าคา ตำบลหนองสนม อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนกลุ่มสาระ การเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 1 ทัศนศิลป์ ชุดพื้นฐานงานศิลป์จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 1 ทัศนศิลป์ ชุดพื้นฐานงานศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปี่ 4 จำนวน 4 เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถาม ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 ที่เรียนด้วย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 1 ทัศนศิลป์ ชุดพื้นฐานงานศิลป์
ผลการศึกษา
1. ประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 1 :
ทัศนศิลป์ ชุดพื้นฐานงานศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีคะแนนเฉลี่ยผลการประเมินจากการทำแบบทดสอบระหว่างเรียนของนักเรียน เท่ากับ 8.16 ค่าประสิทธิภาพของกระบวนการเป็น 81.67 ส่วนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ย 24.56 ค่าประสิทธิภาพของกระบวนการเป็น 81.85 ดังนั้น เอกสารประกอบการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 1 : ทัศนศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ 81.67/81.85 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด 80/80
2. เปรียบเทียบความแตกต่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้
เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 1 : ทัศนศิลป์ ชุดพื้นฐานงานศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนมีคะแนนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยเอกสารประกอบการ
เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 1 : ทัศนศิลป์ ชุดพื้นฐานงานศิลป์ อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.80 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.30