สาขาวิชา : เครื่องกล
ชื่อ : นายสุวรรณ ใจเที่ยง
ปีการศึกษา : 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กระจกรถยนต์เลื่อนขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้าและกระจกมองข้างรถยนต์ปรับด้วยไฟฟ้า ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กระจกรถยนต์เลื่อนขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้าและกระจกมองข้างรถยนต์ปรับด้วยไฟฟ้า ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กระจกรถยนต์เลื่อนขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้าและกระจกมองข้างรถยนต์ปรับด้วยไฟฟ้า ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานกับการเรียนรู้แบบปกติ (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนการสอน เรื่อง กระจกรถยนต์เลื่อนขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้าและกระจกมองข้างรถยนต์ปรับด้วยไฟฟ้า ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนการสอน เรื่อง กระจกรถยนต์เลื่อนขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้าและกระจกมองข้างรถยนต์ปรับด้วยไฟฟ้า ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย ชุดการสอน แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างได้จากการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เป็นนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) แผนกวิชางานยานยนต์ วิทยาลัยเทคนิคพะเยา ที่ลงทะเบียนเรียนวิชางานประดับยนต์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 2 ห้องเรียน โดยกำหนดเป็นกลุ่มทดลองสำหรับจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน จำนวน 1 ห้องเรียน และกลุ่มควบคุมสำหรับจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ จำนวน 1 ห้องเรียน ห้องเรียนละ 13 คน วิธีดำเนินการ ทำการทดสอบก่อนเรียนกับนักเรียนกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ดำเนินการสอนในแต่ละกลุ่มโดยใช้เนื้อหาเดียวกัน เรื่อง กระจกรถยนต์เลื่อนขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้าและกระจกมองข้างรถยนต์ปรับด้วยไฟฟ้า แต่ใช้วิธีสอนต่างกัน ทำการทดสอบหลังเรียนกับนักเรียนกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ด้วยแบบทดสอบชุดเดียวกันทั้ง 2 กลุ่ม เมื่อทำการสอบหลังเรียนเสร็จแล้วให้นักเรียนตอบแบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเรียนการสอน
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กระจกรถยนต์เลื่อนขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้าและกระจกมองข้างรถยนต์ปรับด้วยไฟฟ้า ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กระจกรถยนต์เลื่อนขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้าและกระจกมองข้างรถยนต์ปรับด้วยไฟฟ้า ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กระจกรถยนต์เลื่อนขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้าและกระจกมองข้างรถยนต์ปรับด้วยไฟฟ้า ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานสูงกว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ เรื่อง กระจกรถยนต์เลื่อนขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้าและกระจกมองข้างรถยนต์ปรับด้วยไฟฟ้า ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.55)
5. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ เรื่อง กระจกรถยนต์เลื่อนขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้าและกระจกมองข้างรถยนต์ปรับด้วยไฟฟ้า ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( = 4.26)