ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบไตรภาคีเพื่อพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2
ผู้วิจัย นางอรอนงค์ พรหมวิหาร
ปีที่วิจัย 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างรูปแบบการนิเทศแบบไตรภาคีเพื่อพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 2) เพื่อศึกษาผลการประเมินระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ของสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 กอนกับหลังการนิเทศ และ 3) เพื่อประเมินคุณภาพรูปแบบการนิเทศแบบไตรภาคีเพื่อพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2
กลุ่มเป้าหมายในการนำรูปแบบการนิเทศแบบแบบไตรภาคีเพื่อพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 ปีการศึกษา 2559 ไปใช้ ได้แก่ สถานศึกษาที่มีผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม (พ.ศ. 2554 – 2558) ไม่รับรอง จำนวน 30 โรง ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 30 คน ครูผู้สอน จำนวน 224 คน รวม 254 คน
การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติอ้างอิง ได้แก่ การทดสอบค่าที (t-test) ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. รูปแบบการนิเทศแบไตรภาคีเพื่อพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา มีลักษณะสำคัญของรูปแบบการนิเทศมี 4 ขั้นตอน คือขั้นที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและ ความต้องการ ขั้นที่ 2 การวางแผนการนิเทศและกำหนดทางเลือก ขั้นที่ 3 การปฏิบัติการนิเทศ ขั้นที่ 4 การประเมินผลการนิเทศและรายงานผล โดยมีค่าดัชนีความสอดคล้องของรูปแบบการนิเทศฯ ตามมาตรฐานการประเมินทางการศึกษา ในภาพรวม เท่ากับ 0.93 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน โดยเรียง ค่าดัชนีความสอดคล้องจากมากไปน้อย พบว่าค่าดัชนีความสอดคล้องด้านความถูกต้อง เท่ากับ 0.95 ด้านการใช้ประโยชน์เท่ากับ 0.94 ด้านความเป็นไปได้ เท่ากับ 0.93 และ ด้านความเหมาะสม เท่ากับ 0.90
2. ผลการประเมินระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ของสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 ในภาพรวม พบว่า
2.1 ผลการประเมินระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาของสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 โดยภาพรวม อยู่ในระดับดี เมื่อพิจารณาในรายด้าน พบว่าองค์ประกอบที่ 7 การจัดทำรายงานประจำปีที่เป็นรายงานประเมินคุณภาพภายใน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือองค์ประกอบที่ 8 การจัดให้มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และองค์ประกอบที่ 5 การจัดให้มีการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด
2.2 ผลการประเมินระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาของสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 จำนวน 30 แห่ง มีคะแนนเฉลี่ย (x̄ ) ผลการประเมินระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา หลังการนิเทศ ( x̄ = 3.72,S.D.=0.25) สูงกว่าก่อนนิเทศ ( x̄ = 3.36, S.D.=3.24 ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ผลการประเมินคุณภาพรูปแบบการนิเทศแบไตรภาคีเพื่อพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา มีคุณภาพตามาตรฐานการประเมิน ด้านการใช้ประโยชน์ ด้านความเป็นไปได้ ด้านความเหมาะสม และด้านความถูกต้องในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการใช้ประโยชน์ ด้านความเป็นไปได้ และด้านความถูกต้อง อยู่ในระดับมากที่สุด