ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะการแต่งกาพย์ยานี 11 กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านดงบัง(สว่าง
วิทยา)
ผู้ศึกษาค้นคว้า นางจุฬาลักษณ์ ยอดยิ่ง
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
หน่วยงาน โรงเรียนบ้านดงบัง(สว่างวิทยา)
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7
ปีที่พิมพ์ 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้นี้ มีความมุ่งหมายของการศึกษา ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะการแต่งกาพย์ยานี 11 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้าน ดงบัง(สว่างวิทยา) ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผล ของการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะการแต่งกาพย์ยานี 11 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านดงบัง(ว่างวิทยา) 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง แต่งกาพย์ยานี 11 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านดงบัง(สว่างวิทยา) และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านดงบัง(สว่างวิทยา) ที่มีต่อแบบฝึกทักษะการแต่งกาพย์ ยานี 11 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านดงบัง(สว่างวิทยา) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 11 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบจำเพาะเจาะจง (purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในกาทดลอง ประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะการแต่งกาพย์ยานี 11 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 4 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบการใช้แบบฝึกทักษะการแต่งกาพย์ยานี จำนวน 10 แผน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การแต่งกาพย์ยานี 11 เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่าย ระหว่าง 0.45-0.75 ค่าอำนาจจำแนก ระหว่าง 0.39-0.76 มีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ เท่ากับ 0.86 2) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการแต่งกาพย์ยานี 11 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าประสิทธิภาพของสื่อ (E1/E2) ค่าดัชนีประสิทธิผลของกระบวนการ (E.I) เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ t-test (Dependent Samples) ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการแต่งกาพย์ยานี 11 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้รายงานสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 85.03/88.18 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะการแต่งกาพย์ยานี 11 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีค่าเท่ากับ 0.6929 แสดงว่า แบบฝึกทักษะการแต่งกาพย์ยานี 11 ก่อให้เกิดประสิทธิผลในการเรียนรู้ของนักเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 69.29
3. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการแต่งกาพย์ยานี 11 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อแบบฝึกทักษะการแต่งกาพย์ยานี 11 มีความพึงพอใจระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.65
โดยสรุป การพัฒนาแบบฝึกทักษะการแต่งกาพย์ยานี 11 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น และสามารถใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในเนื้อหาอื่นๆ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ ได้