บทคัดย่อ
ชื่องานวิจัย รายงานการพัฒนาและการใช้ชุดกิจกรรมเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ โดยใช้กระบวนการ
สืบเสาะหาความรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5โรงเรียนบ้าน
ทางงอ
ผู้วิจัย นางสุไหวดะ หลังเกต
ปีการศึกษา 2559
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านทางงอ ให้มีมาตรฐานตามเกณฑ์ 80/80 2)เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หน่วยการเรียนรู้เรื่องแรงและการเคลื่อนที่ก่อนเรียนและหลังเรียน 3)หาดัชนีประสิทธิผลของ ชุดกิจกรรมเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านทางงอ และ4) ศึกษาความพึงพอใจของ
นักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ กลุ่ม สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านทางงอกลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านทางงอ อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 13 คน เฉพาะนักเรียนที่ผู้วิจัยเป็นผู้สอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ชุดกิจกรรมแรงและการเคลื่อนที่ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านทางงอ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ หน่วยแรงและการเคลื่อนที่และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมเรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านทางงอ วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าสถิติ E1/E2 ค่าดัชนีประสิทธิผล ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ค่าสถิติ t-test
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านทางงอ พบว่า ชุดกิจกรรมที่สร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเฉลี่ย 85.00/82.53ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ E1/ E2 = 80/80 และ เมื่อพิจารณารายชุด พบว่า ชุดกิจกรรม มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดทุกเล่ม
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์หน่วยแรงและการเคลื่อนที่ พบว่า ก่อนเรียนและหลังเรียนนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนทุกหน่วย
3. ผลการหาดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ พบว่า ค่าดัชนีประสิทธิผล มีค่าเท่ากับ 0.8533 ซึ่งแสดงว่า นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0.8533 หรือคิดเป็นร้อยละ 85.33
4. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ พบว่า ในภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรม อยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจในด้านเนื้อหา ภาพประกอบ และรูปเล่มของชุดกิจกรรมในระดับมาก