บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ ๑) เพื่อพัฒนาชุดฝึกเสริมทักษะวิทยาศาสตร์เรื่องห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านสาคร ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐ ๒) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะวิทยาศาสตร์เรื่องห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านสาคร และ ๓) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะวิทยาศาสตร์เรื่องห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านสาคร ประชากรที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ๖ โรงเรียนบ้านสาคร สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต ๑ ในภาคเรียนที่ ๒ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๙ จำนวน ๔๐ คน ที่ผู้รายงานเป็นครูประจำชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย ๑) ชุดฝึกเสริมทักษะวิทยาศาสตร์เรื่องห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ จำนวน ๕ ชุด ๒) แผนการจัด การเรียนรู้เรื่องห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านสาคร จำนวน ๒๐ แผน ๓) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์เรื่องห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านสาคร ก่อนเรียนและหลังเรียน จำนวน ๓๐ ข้อ และ ๔) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดฝึกเสริมทักษะวิทยาศาสตร์เรื่องห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านสาคร จำนวน ๑๐ ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติคือ ค่าเฉลี่ย และค่าร้อยละ
ผลการศึกษาพบว่า
๑) ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) มีค่าเท่ากับ ๘๐.๑๗ และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) มีค่าเท่ากับ ๘๕.๙๒ ดังนั้น ประสิทธิภาพของชุดฝึกเสริมทักษะวิทยาศาสตร์ เรื่องห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านสาคร ค่าเท่ากับ ๘๐.๑๗ /๘๕.๑๗
๒) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะวิทยาศาสตร์ เรื่องห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านสาคร ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๑๐.๐๘ คิดเป็นร้อยละ ๓๓.๕๘ ส่วนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๒๕.๗๘ คิดเป็นร้อยละ ๘๕.๙๒ โดยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนเฉลี่ย ๑๕.๗๐ คิดเป็นร้อยละ ๕๒.๓๓
๓) ระดับความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะวิทยาศาสตร์ เรื่องห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านสาคร เฉลี่ยโดยส่วนรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๔๒ คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๓๕
ข้อเสนอแนะ
๑) ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ควรนำชุดฝึกเสริมทักษะวิทยาศาสตร์ เรื่องห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ไปประยุกต์ใช้สำหรับเสริมทักษะวิทยาศาสตร์เรื่องห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพราะจากผลการศึกษายืนยันได้ถึงความสำเร็จในการนำไปใช้แล้ว คือ การมีประสิทธิภาพเท่ากับ ๘๐.๑๗ /๘๕.๑๗ สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ให้สูงขึ้นได้ และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
๒) จากการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนพบว่ารายการนักเรียนนำความรู้จากวิชานี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ มีระดับความพึงพอใจต่ำสุด ซึ่งอาจอธิบายได้ว่า การออกแบบชุดฝึกและแบบทดสอบต่างๆในชุดฝึกอาจยังมีความไม่เหมาะสมบางประการ จนส่งผลให้นักเรียนยังไม่พึงพอใจมากนัก ดังนั้น ครูผู้สอนหรือผู้ที่ต้องการนำผลการศึกษาไปใช้ควรให้ความสำคัญกับการออกแบบชุดฝึกและแบบทดสอบต่างๆให้มีความเหมาะสม เพื่อให้นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้จากวิชานี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อไป