ชื่อเรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้ชุดการเรียนร่วมกับการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
ชื่อผู้ศึกษาค้นคว้า นายวินัย ชินบุตร
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ โรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ชัยภูมิ เขต 30
ปีที่พิมพ์ 2559
บทคัดย่อ
การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้ชุดการเรียนร่วมกับการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียน นาหนองทุ่มวิทยา อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ มีความมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า 1) เพื่อพัฒนาชุดการเรียนสำหรับพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดการเรียนสำหรับพัฒนาการอ่านภาษาอังกฤษร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยชุดการเรียนสำหรับพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 39 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ ชุดการเรียนเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI จำนวน 4 ชุด แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการเรียนร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI จำนวน 16 แผน และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษ จำนวน 5 ฉบับ มีค่าความเชื่อมั่นแต่ละฉบับเท่ากับ 0.78,
0.81 ,0.79 , 0.77 และ 0.80 ตามลำดับ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดการเรียนร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อระหว่าง 0.41 0.83 และการหาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับมีค่าเท่ากับ 0.93 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (X-bar) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สูตรการหาประสิทธิภาพ E1/E2 หาคะแนนความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียนโดยการหาค่าดัชนีประสิทธิผลตามลำดับ ผลการศึกษาค้นคว้าปรากฏ ดังนี้
1. ชุดการเรียนเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 85.32/83.69
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของผลของชุดการเรียนเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ
ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI มีค่าเท่ากับ 0.818286 ซึ่งแสดงว่านักเรียนมีทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 81.82
3. ความพึงพอใจของนักเรียนในการเรียนโดยใช้ชุดการเรียนร่วมกับกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.72 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.13 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ การเรียนรู้โดยการฝึกปฏิบัติและมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.91 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.29 ลำดับที่สอง คือ เมื่อไม่เข้าใจบทเรียนนักเรียนสามารถศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเองได้ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.88 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.35 และลำดับที่สาม คือ การเชื่อมโยงความรู้สู่การนำไปใช้ในการสื่อสารภาษาอังกฤษ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.85 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.36
จากผลการศึกษาค้นคว้า พบว่า ชุดการเรียนเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเหมาะสม สามารถส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะการอ่านเพิ่มมากขึ้น เป็นแนวทางในการนำมาประยุกต์ใช้สำหรับครูผู้สอนและผู้ที่มีความสนใจในการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดทักษะดังกล่าว ส่งเสริมให้ผู้เรียนสนใจเรื่องที่เรียนมากขึ้น และสามารถจดจำได้นาน ส่งผลให้นักเรียนเกิดความคิดรวบยอดในการอ่านซึ่งเป็นพื้นฐานในการเรียนภาษาอังกฤษในระดับสูงขึ้น นักเรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิต ประจำวันได้