ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อ

ชื่องานวิจัย การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อพัฒนาความสามารถในการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

ผู้วิจัย นายเสรี แก้วเขียวงาม ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

ปี 2559

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อพัฒนาความสามารถในการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5 โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาบริบทของโรงเรียน ความต้องการและข้อมูลพื้นฐานในการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2). เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อพัฒนาความสามารถในการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อพัฒนาความสามารถในการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 4) เพื่อการประเมินและปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อพัฒนาความสามารถในการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 คือ เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อพัฒนาความสามารถในการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนเรียนและหลังเรียน และหลังเรียนกับเกณฑ์ และ เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อพัฒนาความสามารถในการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี อำเภอกันทรลักษ์จังหวัดศรีสะเกษ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 3 ห้องเรียน รวมทั้งหมด 120 คน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 1 ห้องเรียน 35 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับ เทคนิคระดมสมอง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบสอบถามความพึงพอใจ แบบสอบถามความคิดเห็นผู้ปกครอง ผู้บริหาร ครู ด้านบริบทความพร้อมของโรงเรียนและความต้องการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แบบสัมภาษณ์ ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentages) ค่าเฉลี่ย (x̄ ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สถิติทดสอบ t แบบไม่อิสระ (Dependent)

การดำเนินการวิจัยดำเนินการตามขั้นตอนของการวิจัยและพัฒนา 4 ขั้นตอนคือขั้นตอนที่ 1 การวิจัย (Research ) เป็นการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนา (Development) เป็นการสร้างและพัฒนาหาคุณภาพและประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยนำข้อมูลที่ได้จากขั้นตอนที่ 1 มาพัฒนาเป็นกรอบแนวคิดโครงร่างของรูปแบบ ซึ่งสาระสำคัญของรูปแบบประกอบ ด้วย 1) ความเป็นมา 2) แนวคิดพื้นฐาน 3) หลักการและจุดมุ่งหมาย 4) กระบวนการจัดการเรียนรู้ 5) ข้อเสนอแนะในการนำรูปแบบไปใช้แล้วให้เพื่อนครูและผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบคุณภาพของโครงร่างรูปแบบการจัดการเรียนรู้และเครื่องมือประกอบการใช้รูปแบบ ผลการวิจัย พบว่า 1) บริบทของโรงเรียน ความต้องการและข้อมูลพื้นฐานในการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยภาพรวมโรงเรียนตระกาศประชาสามัคคีมีความพร้อมของบริบทโรงเรียนในการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏี การสร้าความรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อพัฒนาความสามารถในการฟัง และดูอย่างมีวิจารณญาณ อยู่ในระดับมากที่สุด และความต้องการของนักเรียนและข้อมูลพื้นฐานในการจัดการ เรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5โดยภาพรวมพบว่านักเรียนมีความต้องการจำเป็นในการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏีการสร้าความรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง ตามความคิดเห็นของนักเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด 2). การพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อพัฒนาความสามารถในการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตามเกณฑ์ 80/80 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นพบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมองเพื่อพัฒนาความสามารถในการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ5 ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญในภาพรวมมีความสอดคล้องอยู่ในระดับมากที่สุด และมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์เท่ากับ 83.29 /86.75 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ 80/80 3) การทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อพัฒนาความสามารถในการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า มีประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ที่ทดลองกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 จำนวน 35 คน พบว่าประสิทธิภาพรูปแบบเท่ากับ 82.68 /82.79 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 2 4) เพื่อการประเมินและปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อพัฒนาความสามารถในการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 คือ เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อพัฒนาความสามารถในการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 ซึ่ง และหลังเรียนกับเกณฑ์ พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .000 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 1 และ ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคระดมสมอง เพื่อพัฒนาความสามารถในการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่าโดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ซึ่งยอมรับสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 3

โพสต์โดย เสรี : [22 มี.ค. 2560 เวลา 20:55 น.]
อ่าน [5462] ไอพี : 183.88.55.41
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,175 ครั้ง
ไฟร์ฟอกซ์ แซง ไออี 6
ไฟร์ฟอกซ์ แซง ไออี 6

เปิดอ่าน 10,033 ครั้ง
ต้านเหงือกติดเชื้อด้วยการกินโฮลวีท
ต้านเหงือกติดเชื้อด้วยการกินโฮลวีท

เปิดอ่าน 691,419 ครั้ง
ประวัติความเป็นมาของการศึกษาไทย
ประวัติความเป็นมาของการศึกษาไทย

เปิดอ่าน 1,891 ครั้ง
ซอฟต์แวร์สร้างศักยภาพให้โลกใบนี้
ซอฟต์แวร์สร้างศักยภาพให้โลกใบนี้

เปิดอ่าน 140,130 ครั้ง
ลายมือที่มี กากบาทแห่งความสำเร็จ
ลายมือที่มี กากบาทแห่งความสำเร็จ

เปิดอ่าน 13,355 ครั้ง
คลิปฮา อ.เนลสันคัมแบ๊ก เต้นเพลงไทยครั้งแรก เต้นเพลงอะไร ชมเลย
คลิปฮา อ.เนลสันคัมแบ๊ก เต้นเพลงไทยครั้งแรก เต้นเพลงอะไร ชมเลย

เปิดอ่าน 30,710 ครั้ง
การนำ e - Learning ไปใช้ประกอบกับการเรียนการสอน
การนำ e - Learning ไปใช้ประกอบกับการเรียนการสอน

เปิดอ่าน 38,715 ครั้ง
ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2561
ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2561

เปิดอ่าน 18,061 ครั้ง
คลิป งูกินงู กินกลืนกันสดๆ งูหางกระดิ่ง VS King Snake
คลิป งูกินงู กินกลืนกันสดๆ งูหางกระดิ่ง VS King Snake

เปิดอ่าน 23,579 ครั้ง
กระทรวงศึกษาธิการกับการปรับโครงสร้าง
กระทรวงศึกษาธิการกับการปรับโครงสร้าง

เปิดอ่าน 43,387 ครั้ง
กฎหมายตราสามดวง
กฎหมายตราสามดวง

เปิดอ่าน 8,618 ครั้ง
โลกกำลังก้าวสู่อินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยกว่าเดิม
โลกกำลังก้าวสู่อินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยกว่าเดิม

เปิดอ่าน 17,875 ครั้ง
อยากฉลาดฟังดนตรีคลาสสิก
อยากฉลาดฟังดนตรีคลาสสิก

เปิดอ่าน 23,345 ครั้ง
ประวัติวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก
ประวัติวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก

เปิดอ่าน 40,269 ครั้ง
วิธีกำจัดไฟฟ้าสถิตออกจากเสื้อผ้า
วิธีกำจัดไฟฟ้าสถิตออกจากเสื้อผ้า

เปิดอ่าน 15,180 ครั้ง
ระวัง! ของกินเล่นพลังงานสูง
ระวัง! ของกินเล่นพลังงานสูง
เปิดอ่าน 8,114 ครั้ง
รัฐบาลทำงานอย่างไร? จึงจะถูกใจประชาชน
รัฐบาลทำงานอย่างไร? จึงจะถูกใจประชาชน
เปิดอ่าน 27,291 ครั้ง
กำเนิด 4 อาชีพใหม่ไอที
กำเนิด 4 อาชีพใหม่ไอที
เปิดอ่าน 20,794 ครั้ง
ที่มาของคำว่า "บางกะปิ"
ที่มาของคำว่า "บางกะปิ"
เปิดอ่าน 14,880 ครั้ง
PowerPoint ชี้แจงตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางสาระภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
PowerPoint ชี้แจงตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางสาระภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.

Thailand Web Stat

Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ