ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ และวิธีสอนแบบวัฎจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่องแสง
ผู้วิจัย นางเกดแก้ว บุทธิจักร
โรงเรียน ทีโอเอวิทยา (เทศบาล ๑ วัดคำสายทอง) กองการศึกษา เทศบาลเมืองมุกดาหารจังหวัดมุกดาหาร กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่วิจัย 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ และวิธีสอนแบบวัฎจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่องแสง (2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ และวิธีสอนแบบวัฎจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แสง ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 ที่ 80/80 และมีดัชนีประสิทธิผล ตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ และวิธีสอนแบบวัฎจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่องแสง (4) เพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ และวิธีสอนแบบวัฎจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่องแสง และ (5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียน ด้วยรูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ และวิธีสอนแบบวัฎจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่องแสง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลอง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนทีโอเอวิทยา (เทศบาล ๑ วัดคำสายทอง) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 29 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยการจับสลากเลือกมา 1 ห้องเรียน เนื่องจากนักเรียนในโรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองมุกดาหารมีการจัดนักเรียนเข้าชั้นเรียนแบบคละกัน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ (1) แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ ลิธีสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็นแบบปรนัยเลือกตอบ ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย ระหว่าง 0.20-0.80 มีค่าอำนาจจำแนก 0.20 ขึ้นไป และมีค่าความเชื่อมั่นที่ 0.760 (3) แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จำนวน 30 ข้อ และ (4) แบบสอบถามความพึงพอใจ ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 1 ฉบับ 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Pair)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการวิเคราะห์สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมินค่าดัชนีความสอดคล้อง ทั้งแบบวิเคราะห์เอกสาร และแบบสัมภาษณ์ จากผู้เชี่ยวชาญ พบว่า มีความสอดคล้อง โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1.00 ทุกรายการ
2. รูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ และวิธีสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่องแสง ปรากฏว่ามีเกณฑ์ประสิทธิภาพที่ 81.70/84.37 และ 85.57/83.79 และค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.71 และ 0.78 ตามลำดับ
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ และวิธีสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่องแสง หลังเรียนมีค่าสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ระหว่างก่อนและหลังเรียน ที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนตามแนวคิดคอนสตรัค-ติวิสต์ และวิธีสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่องแสง หลังเรียนมีค่าสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
5. นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อการเรียน ด้วยรูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ และวิธีสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่องแสง โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย 4.38