การศึกษาครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่องความน่าจะเป็น ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่องความน่าจะเป็น
3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่องความน่าจะเป็น ก่อนเรียนและหลังเรียน และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่องความน่าจะเป็น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3
ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนแนงมุดวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 จำนวน 19 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่
1) แบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่องความน่าจะเป็น จำนวน 5 เล่ม เล่มละ 3 ชั่วโมง ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 15 ชั่วโมง ในเวลา 15 วัน 2) แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยม
ศึกษาปีที่ 4 เรื่องความน่าจะเป็น จำนวน 17 แผน ใช้เวลาเรียน 17 ชั่วโมง ในเวลา 17 วัน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มี 2 แบบ คือ 3.1) แบบทดสอบย่อยก่อนเรียนและหลังเรียน เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ เล่มละ 10 ข้อ และ ค่าความยากระหว่าง 0.40 - 0.78 และค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.44 - 0.93 3.2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยาก ระหว่าง 0.50 - 0.78 และค่าอำนาจจำแนก ระหว่าง 0.42 - 0.92 และ 4) แบบวัดความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่องความน่าจะเป็น จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลจากการศึกษาปรากฏดังนี้
1. การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์
พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่องความน่าจะเป็น มีประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 82.53/81.75
ซึ่งได้แบบฝึกเสริมทักษะที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 75/75
2. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่องความน่าจะเป็น เท่ากับ 0.6533 ซึ่งแสดงว่า นักเรียน
มีความก้าวหน้าทางการเรียนสูงขึ้นร้อยละ 65.33
3. ผลการเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้
แบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่องความน่าจะเป็น มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่องความน่าจะเป็น โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
โดยสรุป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเหมาะสม ครูผู้สอนจึงควรนำการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะไปใช้
ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หรือกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นต่อไป