ชื่อเรื่อง รายงานผลการใช้เอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา
และพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สาระที่ 4
การเสริมสร้างสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค
ผู้ศึกษา นายสันทิฎ เนียมโคกสูง ตำแหน่ง ครูชำนาญการ
สถานศึกษา โรงเรียนบ้านหนองตาแก้ว อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ปีที่ศึกษา 2558
บทคัดย่อ
รายงานผลการใช้เอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา
และพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สาระที่ 4 การเสริมสร้างสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 5 สาระที่ 4 การเสริมสร้างสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ที่กำหนด 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระ การเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สาระที่ 4 การเสริมสร้างสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค จำนวน 7 เล่ม มีค่า 0.5 ขึ้นไป 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนจากการใช้เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนกับหลังเรียนจากการใช้เอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สาระที่ 4 การเสริมสร้างสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียนจากการใช้เอกสารประกอบการเรียน การสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สาระที่ 4 การเสริมสร้างสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านหนองตาแก้ว อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวนนักเรียน 19 คน ซึ่งได้มาโดยวิธี การเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ 1) เอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สาระที่ 4 การเสริมสร้างสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค จำนวน 7 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้คู่กับเอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สาระที่ 4 การเสริมสร้างสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ พลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สาระที่ 4 การเสริมสร้างสุขภาพ สมรรถภาพและ การป้องกันโรค เป็นแบบทดสอบแบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ 4) แบบประเมิน ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้เอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบียนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.) และทดสอบความแตกต่างของคะแนนก่อนกับหลังเรียน โดยใช้ค่า t-test (Dependent Sample) ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) และ ค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I)
ผลการศึกษา พบว่า เอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สาระที่ 4 การเสริมสร้างสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค ทั้ง 7 เล่ม ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นใช้ประกอบการเรียนการสอน มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 84.25/88.42 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 38.29 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 81.84 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนการสอน คะแนนทดสอบหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.7745 ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนรู้เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 77.45 และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สาระที่ 4 การเสริมสร้างสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค นักเรียนมีความพึงพอใจสูงสุด มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.54 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.58
โดยสรุป ผลการใช้เอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ พลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สาระที่ 4 การเสริมสร้างสุขภาพ สมรรถภาพและ การป้องกันโรค โรงเรียนบ้านหนองตาแก้ว อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น ใช้สำหรับจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ทำให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ นักเรียนรู้จักวางแผนการทำงาน สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข และมีทักษะด้านการปฏิบัติได้ดี นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติจริง ส่งผลให้นักเรียนเห็นประโยชน์และความสำคัญของวิชาสุขศึกษา และสามารถนำกิจกรรมต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) สูงขึ้น จึงเหมาะที่จะนำไปพัฒนาการเรียนการสอนต่อไป