ชื่อเรื่อง การพัฒนาการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตามแนวทฤษฏีการเรียนรู้
แบบสร้างองค์ความรู้ (Constructivism)
ผู้ศึกษา นางสาววานิชฌา แดงนา
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
โรงเรียน โรงเรียนบ้านโคกทุ่งน้อย
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลำภู เขต 2
ปีที่ศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การอ่านจับใจความสำคัญ เป็นทักษะที่สำคัญที่สุดที่ใช้ในการแสวงหาความรู้ และเป็นเครื่องมือที่ทำให้ผู้ที่มีความรู้ สามารถปรับตัวและดำรงชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบันได้อย่างมีความสุข การศึกษาในครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ
การอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจ
ความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ คือ นักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบ้านโคกทุ่งน้อย สำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลำภู เขต 2 จำนวน 26 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 4 ชนิด ได้แก่ แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน
จับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตามแนวทฤษฏีการเรียนรู้
แบบสร้างองค์ความรู้ (Constructivism) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ
4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t test (Dependent Samples)
ผลการศึกษาพบว่า
1. แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ 88.80/87.56 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งสมมติฐานไว้
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เท่ากับ 0.80 แสดงว่าหลังจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้
แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นแล้วนักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 80.00
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ
กลุ่มสาระการเรียนภาษาไทย มีค่าเฉลี่ยของคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ที่ระดับ .05
4. นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย อยู่ในระดับมากที่สุด
โดยสรุป แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลเหมาะสมทำให้ผู้เรียน
ที่เรียนด้วยแบบฝึกดังกล่าวมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นและนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ดังนั้น ครูผู้สอนภาษาไทยสามารถนำแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้