บทคัดย่อ
รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาวอลเลย์บอล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีวัตถุประสงค์ของการศึกษา ดังนี้ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาวอลเลย์บอล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาวอลเลย์บอล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาวอลเลย์บอล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 4) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาวอลเลย์บอล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 ซึ่งได้มาโดยโดยใช้วิธีเลือกแบบเจาะจง(Purposive Sampling) จาก 6 ห้องเรียน มา 1 ห้องเรียน คือ ห้อง ม.3/1 จำนวน 50 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ 1) แบบฝึกทักษะ จำนวน 11 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 11 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติทดสอบที t-test (Dependent Samples)
ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้
1. แบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาวอลเลย์บอล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้
สุขศึกษาและพลศึกษา มีประสิทธิภาพ 83.81/82.85 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
2. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาวอลเลย์บอล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีค่าเท่ากับ 0.6330 แสดงว่าผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0.6330 หรือคิดเป็นร้อยละ 63.30
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาวอลเลย์บอล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า
ก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาวอลเลย์บอล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีระดับความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก x̄=4.27