บทคัดย่อ
รายงานผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม ของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านเชียงยืน มีวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการ คือ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียน
บ้านเชียงยืน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม เขต 3 ภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2559 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 33 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการครั้งนี้ประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 9 เล่ม 18 กิจกรรม 46 แบบฝึกทักษะและคู่มือการใช้แบบฝึกทักษะ 2) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม จำนวน 18 แผน
3) แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม จำนวน 30 ข้อ เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก และ 4) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์
เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะตามเกณฑ์ 80/80 จากสูตร E1 / E2 และทดสอบความแตกต่างระหว่างคะแนนก่อนการเรียนกับคะแนนหลังการเรียน โดยใช้สถิติทดสอบ
แบบ t test (One group pretest-posttest design)
จากการดำเนินการพบว่า
การใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องเศษส่วนและทศนิยม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 1 โรงเรียนบ้านเชียงยืน มีผลการดำเนินการเป็นไปตามสมมติฐาน สรุปได้ดังนี้
1) แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 1 มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 คือ มีประสิทธิภาพ 84.44/83.43
2) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างและศึกษาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยมมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3) นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด