ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาการเรียนรู้ที่มีต่อการใช้เศษวัสดุเหลือมาประดิษฐ์ของใช้

เรื่อง การพัฒนาการเรียนรู้ที่มีต่อการใช้เศษวัสดุเหลือมาประดิษฐ์ของใช้ ในรายวิชา การงานอาชีพและ

เทคโนโลยี 2 ง21102 สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559

ผู้วิจัย นางจิราภรณ์ จำนงค์ไว

ตำแหน่ง ครู คศ.2

วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี

ปีที่ทำการวิจัย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559

1. ความสำคัญและที่มา

ในปัจจุบันนี้จำนวนหรือปริมาณของเศษวัสดุอุปกรณ์เหลือใช้มีมากมายหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบหรือรูปทรงต่างๆมากมาย ในส่วนของกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี จึงต้องการให้นักเรียนควรมีกระบวนการคิดสร้างสรรค์ ประดิษฐ์ผลงานใหม่ๆจากเศษวัสดุเหลือใช้ เพื่อนำกลับมาเป็นชิ้นงานที่สำเร็จและสวยงาม สามารถนำไปตกแต่งภายในบ้าน และอาจเป็นของฝากของขวัญให้กับบุคคลอื่นได้ ดังนั้นผู้วิจัยจึงใช้วิธีการศึกษาความคิดสร้างสรรค์โดยการเลือกใช้เศษวัสดุมาใช้เป็นงานประดิษฐ์ให้เกิดชิ้นงานใหม่ๆ และมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม เพราะส่วนหนึ่งเป็นการลดขยะจำนวนหนึ่ง ทำให้ไม่ต้องเผาหรือทำลายขยะให้เกิดมลภาวะเป็นพิษขึ้นในสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

2. วัตถุประสงค์ในการวิจัย

เพื่อศึกษาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนโดยใช้เศษวัสดุ เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ใช้วิธีการสอนแบบสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี 2 ง21102 สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559

3. สมติฐาน

การใช้เศษวัสดุอย่างประหยัดและปลอดภัยในงานประดิษฐ์ เป็นวิธีการสอนแบบสร้างสรรค์ ทำให้เกิดกระบวนการคิดและการกระทำผลงานใหม่ๆ ซึ่งเหมาะสมและสอดคล้องกับเศรษฐกิจพอเพียง ในการสร้างงานบ้าน งานเกษตร งานประดิษฐ์ งานช่างและงานธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น

4. ขอบเขตของการวิจัย

ประชากร ได้แก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2559

นิยามคำศัพท์

การสอนแบบสร้างสรรค์ คือการสอนที่มีกระบวนการโดยมีแบบแผน และกระทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างให้ดีขึ้น และสร้างความเข้าใจให้กับนักเรียนมากขึ้น โดยนำนวัตกรรมใหม่ๆของระบบการสอนเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อทำให้การเรียนการสอนได้เกิดประสิทธิภาพและได้ผลสอดคล้องกับนโยบายหลักของโรงเรียนฯ

5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1. สามารถทำให้นักเรียนคิดสร้างสรรค์ และหาวิธีการใช้เศษวัสดุอย่างประหยัดและมีคุณค่า และสามารถประดิษฐ์ชิ้นงานใหม่ๆได้ถูกต้องเกิดความมั่นใจ มีนวัตกรรมที่ทันต่อยุคเทคโนโลยีในปัจจุบัน

2. เพื่อพัฒนาด้านการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพ ให้ทันสมัยเหมาะสมกับเหตุการณ์และสถานการณ์จริง และที่สำคัญรู้จักประหยัดใช้วัสดุให้เกิดประโยชน์ เหมาะสมกับเศรษฐกิจพอเพียงและความเพียงพอ

6. วิธีการดำเนินการวิจัย

ขั้นตอนการวิจัย

1. วิเคราะห์เรื่องก่อนการพัฒนา คือการสอนตามแผนการสอน โดยการอธิบายให้นักเรียนได้เข้าใจก่อนลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนในแผนการสอน

2. ขั้นตอนการสอน คือการสอนตรงตามแผนการสอน พร้อมทั้งดำเนินการกระทำกิจกรรมตามขั้นตอนที่กำหนดไว้

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่

1. แผนการสอนโดยใช้วิธีสอนแบบสร้างสรรค์ คือการเลือกเรื่องที่จะทำการสอนจากหลักสูตรที่ทันสมัยสอดคล้องกับยุคเทคโนโลยีในปัจจุบัน และสามารถนำกลับไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างคุ้มค่าและมีประโยชน์ให้มากที่สุด สามารถนำไปเป็นอาชีพเสริมของนักเรียนได้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางครอบครัวได้

2. การสอบถาม คือหลังจากที่ได้อธิบายให้นักเรียนแล้ว นักเรียนลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนที่ได้รับมอบหมาย ครูมีหน้าที่ดูว่านักเรียนได้กระทำถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่อย่างไร หลังจากกระทำเสร็จ ครูทำการสอบถามนักเรียน อาจจะเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มในการปฏิบัติ โดยให้นักเรียนออกมาอธิบายความเข้าใจและขั้นตอนหน้าชั้นเรียน เพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น

3. จากการทำกิจกรรมการเรียนงานประดิษฐ์ คือการลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนที่ครูสาธิต จนได้ชิ้นงานที่สำคัญแล้วเกิดความภาคภูมิใจ สามารถนำไปตกแต่ง หรือเป็นงานอดิเรกจนกลายเป็นอาชีพได้ในอนาคต

4. เกณฑ์การประเมินผล คือการวัดประเมินผลของนักเรียน โดยจะวัดจากการวางแผนงาน ขั้นตอนการทำงาน การปรับปรุงงาน ความรับผิดชอบในงานที่ทำ ผลสำเร็จของงานซึ่งวางเกณฑ์คุณภาพไว้ 5 ระดับ คือ 4 3 2 1 0

5. ประเมินผล คือจากการที่ครูสังเกตและสอบถามแล้ว จนถึงขั้นลงมือปฏิบัติ ครูสามารถทำการวัดผลและประเมินผลของนักเรียนได้ ซึ่งอาจจะได้จาก ชิ้นงานของนักเรียน หรือการปฏิบัติที่ถูกต้องตามขั้นตอน โดยมีเกณฑ์การประเมินผลดังนี้ คือ นักเรียนได้คะแนน

9-10 = ดีมาก (เกณฑ์คุณภาพ 4)

7-8 = ดี (เกณฑ์คุณภาพ 3)

5-6 = ดีมาก (เกณฑ์คุณภาพ 4)

1-4 = ดีมาก (เกณฑ์คุณภาพ 4)

ต่ำกว่า 4 = ปรับปรุง (เกณฑ์คุณภาพ 0) เป็นต้น

7. การวิเคราะห์ข้อมูล

นำผลมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยเปรียบเทียบจำนวนนักเรียน ในแต่ละระดับคุณภาพก่อนการพัฒนา และหลังการพัฒนาการใช้เศษวัดสุอุปกรณ์อย่างถูกต้องเหมาะสม

8. ผลการวิจัย

นักเรียนส่วนใหญ่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถประดิษฐ์งานจากเศษวัสดุได้สวยงามและเป็นประโยชน์ พร้อมทั้งนำไปตกแต่งใช้งานได้จริง อยู่ในเกณฑ์การประเมินผลคะแนนในระดับ 9-10 เป็นส่วนมาก

โพสต์โดย เหมียว : [6 มี.ค. 2560 เวลา 13:54 น.]
อ่าน [5323] ไอพี : 101.108.57.203
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 2,988 ครั้ง
รับทำ seo ให้กับทุกเว็บไซต์ติดอันดับ Google 1 วันรู้ผล
รับทำ seo ให้กับทุกเว็บไซต์ติดอันดับ Google 1 วันรู้ผล

เปิดอ่าน 19,574 ครั้ง
ดีปลี
ดีปลี

เปิดอ่าน 10,421 ครั้ง
ใช้ฟุตบอลเป็นยา กระตุ้นฟื้นความทรงจำคนไข้สมองเสื่อม
ใช้ฟุตบอลเป็นยา กระตุ้นฟื้นความทรงจำคนไข้สมองเสื่อม

เปิดอ่าน 12,676 ครั้ง
มะนาวฆ่ามะเร็ง เรื่องนี้เชื่อได้จริงหรือยังไม่ผ่านการพิสูจน์ ?
มะนาวฆ่ามะเร็ง เรื่องนี้เชื่อได้จริงหรือยังไม่ผ่านการพิสูจน์ ?

เปิดอ่าน 1,014 ครั้ง
5 ไอเดียเก็บรักษาปากกาสำหรับนักสะสม ให้สภาพสมบูรณ์ สวยใหม่อยู่เสมอ
5 ไอเดียเก็บรักษาปากกาสำหรับนักสะสม ให้สภาพสมบูรณ์ สวยใหม่อยู่เสมอ

เปิดอ่าน 17,572 ครั้ง
พระอุมา
พระอุมา

เปิดอ่าน 15,296 ครั้ง
ร่างกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาร้องทุกข์
ร่างกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาร้องทุกข์

เปิดอ่าน 188,775 ครั้ง
การหาประสิทธิภาพของนวัตกรรม
การหาประสิทธิภาพของนวัตกรรม

เปิดอ่าน 11,351 ครั้ง
โซเชียลทำพิษ... 5 โรคฮิตของคนติดจอ
โซเชียลทำพิษ... 5 โรคฮิตของคนติดจอ

เปิดอ่าน 63,960 ครั้ง
ทำไมเครื่องบินกระดาษจึงบินได้
ทำไมเครื่องบินกระดาษจึงบินได้

เปิดอ่าน 13,150 ครั้ง
ซึ้งมาก! บัณฑิตจุฬาฯ ก้มกราบพ่อพนง.ขับรถเก็บขยะทั้งชุดครุย พร้อมเล่าเรื่องประทับใจ
ซึ้งมาก! บัณฑิตจุฬาฯ ก้มกราบพ่อพนง.ขับรถเก็บขยะทั้งชุดครุย พร้อมเล่าเรื่องประทับใจ

เปิดอ่าน 15,454 ครั้ง
ประโยชน์ ของการดื่มเบียร์
ประโยชน์ ของการดื่มเบียร์

เปิดอ่าน 17,094 ครั้ง
เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว

เปิดอ่าน 16,485 ครั้ง
บทความพิเศษ "เมื่อระบบการศึกษาของไทยล้มเหลว"
บทความพิเศษ "เมื่อระบบการศึกษาของไทยล้มเหลว"

เปิดอ่าน 13,997 ครั้ง
"ผลสอบ" วัดความสามารถ การทำงานได้จริงหรือ ?
"ผลสอบ" วัดความสามารถ การทำงานได้จริงหรือ ?

เปิดอ่าน 8,096 ครั้ง
ตอบโจทย์ "ปฏิรูปการศึกษา"?
ตอบโจทย์ "ปฏิรูปการศึกษา"?
เปิดอ่าน 13,309 ครั้ง
Download เอกสาร " แนวทางการพัฒนาอัตลักษณ์ผู้เรียนการศึกษาภาคบังคับโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน " ของ สพฐ.
Download เอกสาร " แนวทางการพัฒนาอัตลักษณ์ผู้เรียนการศึกษาภาคบังคับโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน " ของ สพฐ.
เปิดอ่าน 2,142 ครั้ง
ENNXO ชวนอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง ปี 2024 ที่ต้องอ่านสักครั้งในชีวิต
ENNXO ชวนอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง ปี 2024 ที่ต้องอ่านสักครั้งในชีวิต
เปิดอ่าน 19,356 ครั้ง
ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง
ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง
เปิดอ่าน 34,079 ครั้ง
วิธีปลูก "ต้นหอม" ทานเอง
วิธีปลูก "ต้นหอม" ทานเอง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ