บทคัดย่อ
ชื่อผลงาน : รายงานการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง สมการและการแก้สมการ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2559
ชื่อผู้ศึกษา : นางสาวนารีรัตน์ เจ๊ะตา
โรงเรียน : เทศบาล ๖ (วัดเมืองยะลา) สำนักการศึกษา เทศบาลนครยะลา
กลุ่มสาระ : กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง สมการและการแก้สมการกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง สมการและการแก้สมการ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง สมการและการแก้สมการ
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนเทศบาล ๖ (วัดเมืองยะลา) สำนักการศึกษา เทศบาลนครยะลา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 20 คน ซึ่งได้มาโดยการเจาะจง เพื่อเป็นกลุ่มเป้าหมาย ในการศึกษาครั้งนี้
ค่าสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย x̄ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. ค่า t-test ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีประสิทธิภาพผ่านเกณฑ์ 80/80 โดยมีค่าประสิทธิภาพ E1 เท่ากับ 87.94 และค่าประสิทธิภาพ E2 เท่ากับ 85.83 ดังนั้น การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง สมการและการแก้สมการ มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
2. ผลการประเมินผลก่อนและหลังเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรม การเรียนรู้ เรื่อง สมการและการแก้สมการ พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น โดยที่การประเมินผลก่อนเรียน มีค่าเฉลี่ย 14.20 (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.77) ขณะที่การประเมินหลังเรียน มีค่าเฉลี่ย 25.75 (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.02) แสดงว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง สมการและการแก้สมการ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ย 4.41 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.26 เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมินการเรียนรู้ตลอดเวลา มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเท่ากับ 4.62 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.49 อยู่ในระดับมาก รองลงมาด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีความสนุกสนาน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.59 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.50 อยู่ในระดับมาก และด้านสร้างความสนใจให้ผู้เรียนเกิดอยากเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.56 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.50 ตามลำดับ