|
|
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายดังนี้ 1)เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์ 75/75 2)เพื่อเปรียบเทียบความสามารถการเขียนสรุปความก่อนและหลังเรียนด้วยชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ และ 3)เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 การดำเนินการวิจัยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา มี 3 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดทฤษฎี หลักการสร้างชุดฝึก จากนั้นสร้างชุดฝึกจำนวน 5 ชุดฝึก ประกอบด้วยชุดฝึกที่เป็นคู่มือครูและชุดฝึกที่เป็นคู่มือนักเรียน ให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน ตรวจสอบความเหมาะสมของชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ แล้วนำไปทดลองใช้ 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ใช้กับนักเรียนโรงเรียนอนุบาลด่านช้าง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 3 จำนวน 3 คน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของภาษาและเวลาที่ใช้ทำกิจกรรม จากนั้นนำไปทดลองใช้ ครั้งที่ 2 กับนักเรียนโรงเรียนอนุบาลด่านช้าง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 3 จำนวน 9 คน เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ และจากนั้นนำไปทดลองใช้ ครั้งที่ 3 กับนักเรียนโรงเรียนอนุบาลด่านช้าง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 3 จำนวน 30 คน เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ ตามเกณฑ์ 75/75 เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วยชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ แบบประเมินความเหมาะสมของชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ แบบทดสอบวัดความสามารถในการเขียนสรุปความ สถิติที่ใช้คือ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานและสูตรการหาประสิทธิภาพ E1/ E2 ขั้นตอนที่ 2 การทดลองใช้ชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดด่านช้าง จำนวน 30 คน แบบแผนการการทดลอง One Group Pretest Posttest Design เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย ชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ แบบทดสอบวัดความสามารถในการเขียนสรุปความ สถิติที่ใช้คือ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า t-test แบบ Dependent ขั้นตอนที่ 3 การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดด่านช้าง จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
1. ชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นถมประศึกษาปีที่ 4 มี 4 ส่วน คือ 1) คู่มือการเขียนสรุปความโดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ มีกระบวนการในการทำแบบฝึก 3 ขั้น คือ ขั้นอ่าน ขั้นคิด และขั้นเขียน และนำมาจัดกรอบมโนทัศน์ตามแนวคิดของ โนแวค และโกวิน 5 ขั้น คือ 1)ขั้นเลือก 2)ขั้นจัดลำดับ 3)ขั้นจัดกลุ่ม 4)ขั้นจัดระบบ และ 5)ขั้นเชื่อมโยงมโนทัศน์ 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบฝึกการเขียนสรุปความโดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ และ 4) แบบทดสอบความสามารถในการเขียนสรุปความ โดยภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด ( = 4.53, S.D.= 0.52) เมื่อนำไปทดลองใช้พบว่ามีประสิทธิภาพ 78.30 /77.78
2. ผลการเปรียบเทียบความสามารถการเขียนสรุปความก่อนและหลังเรียนด้วยชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นถมประศึกษาปีที่ 4 พบว่า ความสามารถการเขียนสรุปความหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อชุดฝึกการเขียนสรุปความ โดยวิธีจัดกรอบมโนทัศน์ ที่พัฒนาขึ้นโดยภาพรวมมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด ( = 4.22, S.D.= 0.65)
|
โพสต์โดย ส้ม : [21 ก.พ. 2560 เวลา 12:21 น.] อ่าน [5256] ไอพี : 203.172.166.99
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 9,436 ครั้ง
| เปิดอ่าน 5,666 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,593 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,267 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,704 ครั้ง
| เปิดอ่าน 45,225 ครั้ง
| เปิดอ่าน 40,717 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,336 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,607 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,251 ครั้ง
| เปิดอ่าน 34,330 ครั้ง
| เปิดอ่าน 53,095 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,864 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,132 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,848 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 13,642 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,724 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,413 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,993 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,209 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|