บทคัดย่อ
การพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ จากแบบเรียนเร็วใหม่ เล่ม 1 กลุ่มสาระ
การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำ จากแบบเรียนเร็วใหม่ เล่ม 1 กลุ่มสาระ
การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโคกไร่ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำ จากแบบเรียนเร็วใหม่ เล่ม 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโคกไร่ 3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนรู้เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำ จากแบบเรียนเร็วใหม่ เล่ม 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโคกไร่ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโคกไร่ อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 24 คน ซึ่งได้มาโดยเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการรายงานครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการอ่านและเขียนสะกดคำ จำนวน 20 แผน ซึ่งมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยโดยรวมเท่ากับ 4.80 ใช้ เวลาเรียน 4 สัปดาห์ ๆ ละ 5 ชั่วโมง 2) แบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ จำนวน 10 ชุด และ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.25 ถึง 0.70 และมีค่าความเชื่อมั่น ( ) ทั้งฉบับเท่ากับ 0.87 แบบแผนการทดลองใช้แบบกลุ่มเดียว (One Group Pre test Post test Design) สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ ค่าร้อยละ
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
1. การพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน
และเขียนสะกดคำ จากแบบเรียนเร็วใหม่ เล่ม 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 90.38/83.47 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้
คือ 80/80
2. ผลที่เกิดจากการพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำของนักเรียน ชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโคกไร่ พบว่า นักเรียนมีทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำดีขึ้น ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำ มีค่าเท่ากับ 0.8603 ซึ่งแสดงว่า หลังจากที่ผู้เรียนได้เรียนรู้แล้วมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 86.03